World News

งานวิจัยชี้ ‘โควิด-19’ อาจส่งผลให้ ‘เลือดแข็งตัว-โรคหลอดเลือดสมอง’

งานวิจัยชี้ “โควิด-19” อาจส่งผลให้เกิด “เลือดแข็งตัว-โรคหลอดเลือดสมอง” โดยพบอาการในผู้ป่วยอายุน้อยเพิ่มขึ้น

งานวิจัยล่าสุดที่ชาวออสเตรเลียมีส่วนร่วมระบุว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อาจส่งผลกระทบต่อระบบเลือดของผู้ป่วยและก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) ในผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มีอายุ 30 ถึง 40 กว่าปี

สำนักข่าวเอบีซี (ABC News) รายงานถ้อยคำของ โธมัส ออกซ์เลย์ นายแพทย์ชาวออสเตรเลีย หัวหน้าแผนกอภิบาลผู้ป่วยวิกฤตศัลยกรรมประสาท โรงพยาบาลเมาท์ ไซนาย (Mount Sinai Hospital) ในนครนิวยอร์ก ที่กล่าวเมื่อวานนี้ (23 เม.ย.) ว่าผู้ป่วยหลายรายมี “อาการแทรกซ้อนทางสมองจากโรคโควิด-19″

ออกซ์เลย์ระบุว่า “เราพบว่าผู้ป่วยที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลเมาท์ไซนายมีอาการของโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น”

สิ่งที่เราพบคือโรคที่อย่างน้อยได้ก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเราถึงคิดว่ามีโอกาสที่จะเกิดโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้น”

ออกซ์เลย์กล่าวว่าผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอายุมากก็มีโรคหลอดเลือดสมองเช่นกัน แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า “ผู้ป่วยอายุน้อยเป็นโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นมาก”

สำนักข่าวเอบีซีรายงานข้อมูลจากงานวิจัยที่กำลังจะเผยแพร่ของออกซ์เลย์และเพื่อนร่วมงาน ว่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โรงพยาบาลพบผู้ป่วยที่เกิดกรณีดังกล่าว 5 รายในบรรดาผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี

กลุ่มนักวิจัยระบุว่า “ยังต้องค้นคว้าต่อไปถึงความเชื่อมโยงระหว่างภาวะหลอดเลือดสมองขนาดใหญ่ตีบตันและโรคโควิด-19 ที่เกิดในผู้ป่วยอายุน้อย”

ทั้งนี้ ออกซ์เลย์ระบุว่า “ตอนนี้เราพบเพียงกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก แต่เราเก็บเกี่ยวข้อมูลได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

ที่มาสำนักข่าวซินหัว

Avatar photo