World News

ยิ่งกว่าสายลับ! เปิดปฏิบัติการ ‘คาร์ลอส โกสน์’ บินสู่อิสรภาพในเลบานอน

ครั้งหนึ่ง “คาร์ลอส โกสน์” เคยได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งอุตสาหกรรมรถยนต์โลก ที่มีสถานะเป็นเหมือนวีรบุรุษในญี่ปุ่น จากนั้นก็กลายมาเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีอาญาที่แสนจะโด่งดังแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย ก่อนที่จะได้ครองสถานะล่าสุด “ผู้ลี้ภัยข้ามชาติ”

carlos ghosn cover 01

ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา บรรดาเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น ต่างเชื่อว่า โกสน์ มหาเศรษฐีอดีตนายใหญ่ของ “นิสสัน มอเตอร์” กำลังใช้เวลาที่โดนกักบริเวณในบ้านพัก อยู่กับการเตรียมความพร้อมเพื่อขึ้นศาล ในหลายข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการประพฤติมิชอบทางการเงิน หลังจากที่เขาได้รับอนุญาตประกันตัวออกมาเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ด้วยการวางเงินประกัน 1,000 ล้านเยน หรือประมาณ 270 ล้านบาท

ภายใต้เงื่อนไขการประกันตัวนั้น เขาจะถูกจับตาตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทางกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ในบ้านพักของเขา ทั้งยังถูกควบคุมการใช้เทคโนโลยีอย่างเข้มงวด และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

แต่เมื่อวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา โกสน์กลับสร้างความอับอายให้กับทางการญี่ปุ่น และทำให้คณะทนายความที่ต่อสู้เพื่อปกป้องเขา ตกอยู่ท่ามกลางความงุนงง เมื่อเขาไปปรากฎตัวอยู่ที่เลบานอน พร้อมประกาศว่า “ผมหลบหนีมาจากความอยุติธรรม และการข่มเหงทางการเมือง”

ทางด้าน “จุนอิชิโร ฮิโรนากะ” ทนายความของโกสน์ ให้สัมภาษณ์ว่า พวกเขารู้สึกประหลาดใจ และตกตะลึงอย่างมาก

“ผมอยากที่จะถามเขาว่า คุณทำอย่างนี้กับพวกผมได้อย่างไร”

อีกหนึ่งคำถามที่ติดอยู่ในใจของแทบทุกฝ่ายก็คือ “เขาหลบหนีไปได้อย่างไร”

carlos ghosn P01 011

หนีทางกล่องใส่เครื่องดนตรี?

“เอ็มทีวี” สถานีโทรทัศน์เลบานอน รายงานว่า โกสน์หลบหนีออกจากบ้านพักในกรุงโตเกียว ที่เขาถูกกักบริเวณอยู่ ด้วยความช่วยเหลือของทหารนายหนึ่ง ที่ปลอมตัวมาเป็นสมาชิกของวงดนตรี ที่มาแสดงในบ้านพักของเขา

รายงานข่าวระบุว่า หลังการแสดงจบลงได้ไม่นานนัก อดีตซีอีโอนิสสันวัย 65 ปีรายนี้ ก็ได้เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในกล่องใส่เครื่องดนตรีขนาดใหญ่ จากนั้นก็เร่งรีบเดินทางไปยังสนามบินท้องถิ่น

ถ้าหากสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นจริง ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากอย่างมาก แม้ว่าโกสน์ จะมีความสูงราว 167 เซนติเมตรก็ตาม ซึ่งเอ็มทีวี บอกด้วยว่า โกสน์ไม่ได้เดินทางเข้าเลบานอนโดยตรง แต่ไปที่ตุรกีก่อน จากนั้นจึงเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวเข้าไปยังเลบานอน

อย่างไรก็ดี เอ็มทีวีไม่มีหลักฐาน หรือพยานอ้างอิงใดๆ มายืนยันรายงานข่าวนี้ ที่ในเวลาต่อมา แพร่กระจายไปในโลกโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว

“แครอล โกสน์” ภริยาของมหาเศรษฐีรายนี้ ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์สในเวลาต่อมาว่า การหลบหนีออกมาด้วยการซ่อนตัวในกล่องเครื่องดนตรี เป็น “เรื่องแต่ง” แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดว่า สามีของเธอหลบหนีออกจากญี่ปุ่นได้อย่างไร

กระนั้นก็ตาม การใช้วิธีปลอมตัวแบบภาพยนตร์สายลับนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายสำหรับโกสน์แต่อย่างใด โดยเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว เขาเคยแต่งตัวเป็นพนักงานก่อสร้าง ขณะออกมาจากเรือนจำ ในความพยายามที่จะหลบหนีความสนใจจากสื่อมวลชน แต่ก็ถูกจับได้ในเวลาอันรวดเร็ว และโดนสื่อนำเรื่องนี้ไปล้อเลียน ก่อนที่ในเวลาต่อมาคณะทนายความของเขาจะมาออกมาขอโทษต่อแผนการแบบมือสมัครเล่นเช่นนี้

110361373 gettyimages 1128808457
คาร์ลอส โกสน์ เมื่อครั้งใส่ชุดคนงานก่อสร้าง ขณะออกจากเรือนจำ

บทบาทของ “แครอล โกสน์”

บรรดาสื่อรายงานด้วยว่า การที่โกสน์ จะหลบหนีออกจากกรุงโตเกียว ไปยังกรุงเบรุตนั้น จะต้องมีการวางแผนอย่างพิถีพิถัน มานานหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างแหล่งข่าวหลายรายว่า เรื่องนี้ถูกวางแผนกันมาอย่างระมัดระวัง ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้ รวมถึง ผู้สมรู้ร่วมคิด ในการนำโกสน์ออกจากบ้านพักของเขา เดินทางไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัว เพื่อบินไปยังนครอิสตันบูล ของตุรกี จากนั้นโกสน์ได้เดินทางต่อไปยังกรุงเบรุต เลบานอน โดยถึงที่หมายตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 30 ธันวาคมปีที่แล้ว

ข้อมูลจาก “ไฟลท์เรดาร์ 24 “ เว็บไซต์ที่ติดตามเส้นทางการบินของเครื่องบินทั่วโลก แสดงให้เห็นว่า มีเครื่องบินส่วนตัว บอมบาดิเอร์ ชาลเลนเจอร์ เดินทางถึงสนามบินนานาชาติเบรุต-ราฟิค หลังจากเวลา 04.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นได้ไม่นานนัก

เมื่อเดินทางไปถึงกรุงเบรุตแล้ว โกสน์ได้พบกับ แครอล ภรรยาของเขา ที่มีบ้านเกิดอยู่ในเมืองนี้ และเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการหลบหนีของสามีเธออย่างมาก
สื่ออีกหลายสำนักรายงานว่า บริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนมีส่วนช่วยพาตัวโกสน์ออกจากบ้านพักที่เขาโดนกักบริเวณอยู่

ทางด้านหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานว่า ปฏิบัติการหนีครั้งนี้ถูกวางแผนมานานนับเดือนแล้ว และยังมีการทำงานแยกเป็นหลายทีมในประเทศต่างๆ พร้อมอ้างแหล่งข่าว 2 ราย ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ว่า มีผู้สนับสนุนโกสน์ในญี่ปุ่น คอยให้ความช่วยเหลือในการเตรียมการด้วย

ส่วนรอยเตอร์ รายงานอ้างแหล่งข่าว 2 ราย ที่ใกล้ชิดกับโกสน์ว่า แม้กระทั่งนักบินของเครื่องบินส่วนตัว ยังไม่รู้ว่า โกสน์นั่งมาบนเครื่องด้วย

รายงานข่าวหลายแห่ง บอกด้วยว่า แครอล โกสน์ คือ ตัวละครหลักที่อยู่เบื้องหลังแผนการช่วยสามีของเธอ หลบหนีประกัน และเดินทางออกจากญี่ปุ่น โดยทนายความชาวญี่ปุ่นของโกสน์ บอกว่า ทั้งคู่คุยกันนานกว่าชั่วโมงเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ ศาลมีคำสั่งห้ามทั้งคู่พบปะ หรือติดต่อกัน ภายใต้เงื่อนไขการประกันตัว

หลังจากสามีเดินทางถึงเลบานอนแล้ว แครอลให้สัมภาษณ์กับวอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า การที่ได้มาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตเธอ แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเธอเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการนี้แต่อย่างใด

caee
คาร์ลอส-แครอล โกสน์

พาสปอร์ต 3 เล่ม

จนถึงขณะนี้ ยังมีข้อสงสัยอยู่ เกี่ยวกับเอกสารที่โกสน์ใช้เดินทางเข้าเลบานอน โดยอดีตซีอีโอนิสสัน ถือหนังสือเดินทาง 3 ชาติด้วยกัน คือ บราซิล ฝรั่งเศส และเลบานอน แต่ทนายความของเขายืนยันว่า ตอนที่โกสน์เดินทางออกนอกญี่ปุ่นนั้น หนังสือเดินทางทั้งหมดยังโดนยึดอยู่

ทั้งนี้ ยังไม่แน่ชัดว่า โกสน์ใช้สำเนาของหนังสือเดินทางเหล่านี้ในการเดินทางหรือไม่ ซึ่งเป็นวิธีที่เหล่านักธุรกิจสามารถใช้ได้ในบางครั้งสำหรับการเดินทางไปในที่ต่างๆ ทั้งยังมีรายงานด้วยว่า เขาอาจมีหนังสือเดินทางทางการทูต ที่เลบานอนออกไว้ให้ แต่ยังไม่มีการยืนยันในเรื่องนี้

ทางด้านหนังสือพิมพ์เลอ มอนด์ ของฝรั่งเศส รายงานว่า โกสน์เดินทางโดยใช้บัตรประจำตัวประชาชน ส่วนสื่ออื่นๆ ระบุว่า เขาอาจใช้หนังสือเดินทางฝรั่งเศส หรือแม้กระทั่งใช้วิธีการปลอมตัว โดยใช้เอกสารปลอม

ขณะที่โฆษกของโกสน์ เปิดเผยต่อไฟแนนเชียล ไทมส์ว่า เขาใช้หนังสือเดินทางฝรั่งเศส ในการเดินทางเข้าเลบานอน แต่ไม่ได้เปิดเผยว่า เขาออกมาจากญี่ปุ่นได้อย่างไร

ไฟแนนเชียล ไทมส์ ยังอ้าง “กาดิ คูรี” ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการการเมือง กระทรวงการต่างประเทศเลบานอนว่า อดีตนายใหญ่นิสสันเดินทางเข้าประเทศด้วยหนังสือเดินทางฝรั่งเศส และบัตรประชาชนเลบานอน

22829708 7839599 image a 4 1577780771244
บ้านพักคาร์ลอส โกสน์ ในกรุงเบรุต เลบานอน

สื่อญี่ปุ่นประณาม “ขี้ขลาด”

ทางด้านสื่อรายใหญ่ของญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งได้ออกมาประณามการหลบหนีของโกสน์ ว่าเป็นพฤติกรรมที่ขี้ขลาด และเยาะเย้ยระบบยุติธรรมของประเทศ

“การหลบหนี เป็นการกระทำที่ขี้ขลาด และเยาะเย้ยระบบยุติธรรมของญี่ปุ่น ทั้งยังทำให้โกสน์สูญเสียโอกาส ที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และปกป้องเกียรติยศของตัวเอง” หนังสือพิมพ์โยมิอูริ ระบุ

ส่วนหนังสือพิมพ์โตเกียว บอกว่า การกระทำของโกสน์เป็นการเย้ยหยันต่อระบบยุติธรรมของญี่ปุ่น ซึ่งแม้เขาจะยืนกรานว่า หลบหนีออกจากการประหัตประหารทางการเมือง แต่การเดินทางไปต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการขัดต่อเงื่อนไขประกันตัว

ขณะที่นักการเมืองญี่ปุ่นรายหนึ่งตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ที่จะมีบางประเทศ ให้การสนับสนุนโกสน์อยู่ ส่วนอดีตผู้ว่าการกรุงโตเกียว กล่าวหาเลบานอนโดยตรงว่า เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งรัฐบาลเลบานอนปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ ทั้งฝรั่งเศส และตุรกี ก็ปฏิเสธเช่นกันว่า ไม่รู้แผนการหลบหนีของโกสน์มาก่อน

ทั้งนี้ ญี่ปุ่น และเลบานอน ไม่มีการทำสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนแต่อย่างใด ซึ่งหมายความว่า กลายดำเนินคดีต่อโกสน์ กลายเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนแล้วว่า จะเกิดขึ้นได้หรือไม่

Avatar photo