‘ญี่ปุ่น-อินเดีย’ ผงาด ‘2 ดาวเด่น’ ตลาดหุ้น-ควบรวมกิจการ ในเอเชีย

โดย The Bangkok Insight Editorial Team 24 พฤษภาคม 2567

“เจพีมอร์แกน” เผยอินเดีย และญี่ปุ่น เป็น 2 ดาวเด่นในตลาดหุ้น และการควบรวมกิจการของเอเชีย ข้อมูลชี้ ตลาดหลักทรัพย์ของ 2 ประเทศ มีมูลค่าพุ่งขึ้นเกือบ 26% ในปีที่ผ่านมา และมีการทำข้อตกลงซื้อขายกิจการพุ่งสวนทางทั่วโลก

นายฟิลิปโป กอริ ผู้นำร่วมฝ่ายการธนาคารระดับโลก ของเจพีมอร์แกน วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ ระบุว่า อินเดีย และญี่ปุ่น เป็น 2 ดาวเด่นที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาดหุ้นและการควบรวมกิจการ ของเอเชีย

“คุณมีทั้งญี่ปุ่นซึ่งกำลังลุกเป็นไฟ และอินเดียซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมาก” นายกอริให้สัมภาษณ์ ระหว่างการประชุมสุดยอดโกลบอล ไชน่า ซัมมิต (Global China Summit) ประจำปีครั้งที่ 20 ที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

ข้อมูลของ LSEG ระบุว่า ดัชนีนิกเคอิ 225 ของตลาดหุ้นญี่ปุ่น และดัชนีนิฟตี 50 ของตลาดหุ้นอินเดียพุ่งขึ้นเกือบ 26% ในปีที่ผ่านมา ส่วนในรายงานว่าด้วยการควบรวมกิจการของญี่ปุ่นนั้น เบน แอนด์ คัมพานี บริษัทให้คำปรึกษาด้านการจัดการจากสหรัฐระบุว่า แม้กิจกรรมการควบรวมกิจการทั่วโลกลดลงในปี 2566 แต่มูลค่าการทำข้อตกลงของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อนหน้า แตะประมาณ 123,000 ล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์ของเบน แอนด์ คัมพานี ระบุว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากสำหรับการเติบโตของการควบรวมกิจการ ส่วนของอินเดียนั้น ความเชื่อมั่นในตลาดอินเดียมีแนวโน้มดีขึ้น โดยผู้ทำข้อตกลงส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าตลาดจะดีขึ้นในปี 2567

ขณะเดียวกัน ดีลอยท์ ระบุในรายงานว่าด้วยแนวโน้มการควบรวมกิจการในอินเดีย ว่า มูลค่าของข้อตกลงควบรวมกิจการในอินเดียเมื่อปีที่ผ่านมาแตะ 136,000 ล้านดอลลาร์ ลดลง 27% จากปีก่อนหน้า สอดคล้องกับกิจกรรมการควบรวมกิจการที่ปรับตัวลดลงทั่วโลก แต่รายงานระบุด้วยว่า การที่ธุรกิจ และนักลงทุนเชื่อมั่นในอินเดียอย่างต่อเนื่องอาจช่วยให้มูลค่าข้อตกลงในอินเดียฟื้นตัวได้

ทั้งนี้ ประเทศต่าง ๆ เช่น อินเดีย และญี่ปุ่น ต่างได้รับประโยชน์จากนโยบายจีนบวกหนึ่ง (China Plus One) เนื่องจากนักลงทุนต่างมองหาประเทศอื่นในภูมิภาค เพื่อใช้ในการพักเงิน ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น

ดีลอยท์ ระบุว่า บรรดาบริษัทที่ต้องการขยายฐานการผลิตไปยังอินเดีย จะกระตุ้นกิจกรรมการควบรวมกิจการในประเทศ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากนโยบายจีนบวกหนึ่งที่ปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก รวมถึงนโยบายของรัฐบาลอินเดียที่เอื้ออำนวย เช่น โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการผลิต (PLI) ซึ่งมุ่งส่งเสริมการผลิตในอินเดีย