หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ สั่งซัพพลายเออร์รายใหญ่ ลด หรือยกเลิกการผลิตชิ้นส่วนสำหรับสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์โทรคมนาคม หลังจากที่เจอสหรัฐขึ้นบัญชีดำบริษัท
เว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียน รีวิว รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า ผลกระทบที่มีต่อซัพพลายเชนของหัวเว่ย รวมถึง การสั่งลดผลิตมากถึง 30% สัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่า มาตรการกดดันของสหรัฐ เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้จัดหาอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่สุดของโลก และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรายนี้แล้ว
ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค ผู้รับช่วงผลิตชิพรายใหญ่สุดของโลก ยืนยันว่า ได้รับคำสั่งซื้อจากหัวเว่ยลดลง นับตั้งแต่ที่บริษัทจีนรายนี้ โดนสหรัฐขึ้นบัญชีดำ เช่นเดียวกับออรัส เทคโนโลยี ผู้จัดหาเครื่องทำความเย็นสำหรับอุปกรณ์ของหัวเว่ย ที่ระบุว่า คำสั่งซื้อจากลูกค้าชาวจีนลดลง แต่ไม่ได้ระบุชื่อบริษัทใดออกมาโดยตรง
แหล่งข่าวระบุว่า หัวเว่ยได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายสมาร์ทโฟนโดยรวมสำหรับช่วงครึ่งหลังของปีนี้ลงมาราว 20-30% หลังการเคลื่อนไหวของรัฐบาลสหรัฐ ที่ห้ามบริษัทอเมริกันทำงานร่วมกับหัวเว่ย และธุรกิจในเครือ
ซัพพลายเออร์รายอื่นๆ ทั่วโลก ก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับใหม่ของสหรัฐเช่นหัน หากต้องดำเนินการส่งมอบเทคโนโลยีของสหรัฐ ให้กับหัวเว่ยทางอ้อม
“ซัพพลายเออร์ในด้านต่างๆ จำเป็นต้องปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งซัพพลายเออร์ที่อยู่นอกตลาดจีน ที่ได้รับผลกระทบมากสุด อย่างไรก็ดี ซัพพลายเออร์บางรายที่ให้ความช่วยเหลือหัวเว่ยในตลาดบ้านเกิด จะได้รับประโยชน์จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น” แหล่งข่าวระบุ
พนักงานของซัพพลายเออร์หัวเว่ยอีกรายหนึ่ง บอกว่า หัวเว่ยระงับคำสั่งซื้อสินค้าบางรายการแล้ว
“หัวเว่ยยกเลิกคำสั่งซื้อชิ้่นส่วนหลักๆ จำนวนหนึ่ง โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ โดยบริษัทได้แจ้งกับเราว่า จะระงับคำสั่งซื้อชิ้นส่วนสำหรับธุรกิจสมาร์ทโฟน หลังจากช่วงกลางปีไปแล้ว”
พนักงานรายนี้บอกด้วยว่า ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงถึงการระงับคำสั่งซื้อดังกล่าว และไม่ชัดเจนว่า หัวเว่ยจะกลับมาสั่งซื้ออีกเมื่อใด
อย่างไรก็ดี หัวเว่ยระบุว่า บริษัทยังดำเนินการผลิตในระดับปกติ
ทั้งนี้ หัวเว่ยเริ่มเตรียมพร้อมรับมือกับการเคลื่อนไหวของสหรัฐ มาตั้งแต่เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว หลังจากที่นางเมิ่ง วันโจว หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่การเงิน (ซีเอฟโอ) ของบริษัทโดนจับกุมในแคนาดา โดยบริษัทได้ดำเนินการสำรองชิพ และชิ้นส่วนต่างๆ ที่จำเป็นไว้ ในปริมาณที่สามารถรองรับการผลิตได้นานสุดถึง 12 เดือน
ทางด้านนักวิเคราะห์ ชี้ว่า คำสั่งแบนหัวเว่ยของสหรัฐ ยังทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นต่อสินค้าของหัวเว่ยลดลง รวมถึง ผู้ประกอบการที่อยู่นอกตลาดจีน
“เราพบว่า ผู้ประกอบการกิจการโทรคมนาคมทั่วโลก เริ่มไม่อยากสั่งซื้ออุปกรณ์ระบบท 5จี จากหัวเว่ยเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่แน่ใจว่าหัวเว่ยจะสามารถจัดหาสินค้าได้ตามต้องการหรือไม่ ถ้าหากโดนตัดขาดจากสหรัฐ” นายเรมัส ซู นักวิเคราะห์จากมาร์เก็ต อินเทลลิเจนซ์ แอนด์ คอนซัลติง อินสติติวท์ กล่าว