รัฐบาลอินโดนีเซียเปิดเผยผลสำรวจทางวิทยาเซรุ่ม ซึ่งจัดทำระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 พบประชากรอินโดนีเซียอายุ 1 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่ หรือ 86.6% มีแอนติบอดีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จากการฉีดวัคซีน หรือหลังจากติดเชื้อ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายอิวัน อาเรียวัน หนึ่งในคณะนักวิจัยของการสำรวจทางวิทยาเซรุ่ม ระบุว่า ตัวเลขการตรวจพบดังกล่าว นับรวม 89.6% ของผู้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสแรก และ 98.7% ของผู้ฉีดวัคซีนครบโดส
การสำรวจยังพบว่า ราว 73.9% ของผู้ที่อ้างว่าไม่เคยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีแอนติบอดีโรคโควิด-19 อยู่ด้วย ซึ่งบ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสได้ระบาดสู่ประชาชนจำนวนมาก โดยไม่มีการตรวจพบ
การสำรวจดังกล่าวถือเป็นการสำรวจระดับประเทศครั้งแรกของอินโดนีเซีย ซึ่งมีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามจากทุกจังหวัดของประเทศ จำนวน 20,622 คน โดยอินโดนีเซียจะดำเนินการสำรวจดังกล่าวทุก 6 เดือน
ทางด้านนายบูดี กูนาดี ซาดิกิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย ชี้ว่าการสวมหน้ากากอนามัยยังคงเป็นข้อบังคับ เพราะแอนติบอดีช่วยลดการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิต แต่ไม่ได้ป้องกันการแพร่เชื้อของโรคโควิด-19
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘อินโดนีเซีย’ ไฟเขียว 23 ประเทศ รวมไทย ขอ ‘Visa On Arrival’ หวังฟื้นฟูท่องเที่ยว
- ‘อินโดนีเซีย’ เร่งเจรจา ‘เมอร์ค’ ตั้งโรงงานผลิต ‘โมลนูพิราเวียร์’ ในประเทศ
- ‘อินโดนีเซีย’ ผ่อนมาตรการคุมโควิด ไฟเขียวเปิด ‘ร้านอาหาร-ห้างสรรพสินค้า’ หลังยอดป่วยใหม่ร่วง 78%