ข้อมูลชี้ ราว 1 ใน 3 ของเด็กทั้งหมดที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เสียชีวิตในช่วงที่เกิดการระบาดของ “โอไมครอน” สะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น ของเด็ก ๆ ในช่วงเวลาที่ หลายพื้นที่เริ่มยกเลิกข้อบังคับเรื่องสวมหน้ากากในที่สาธารณะ และอัตราการฉีดวัคซีนเริ่มชะลอตัวลง
เว็บไซต์ เดอะ การ์เดียน รายงานว่า เด็กในสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะเผชิญความเสี่ยงจากเชื้อไวรัสโควิด-19 มากขึ้น จากการยกเลิกข้อบังคับสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในกลุ่มเด็ก ยังอยู่ในระดับต่ำ
1 ใน 3 ของเด็กอเมริกันเสียชีวิตจากโควิด ตายช่วง ‘โอไมครอน’ ระบาด
ข้อมูลจากศูนย์ป้องกัน และควบคุมโรคสหรัฐ (ซีดีซี) แสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่ต้นปีนี้ มีเด็กเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดแล้ว 550 ราย เทียบกับจำนวน 1,017 ราย ที่เสียชีวิตในช่วง 22 เดือนก่อนหน้านั้น โดยเด็กที่เสียชีวิตมีตั้งแต่อายุไม่ถึง 1 ปี จนถึง 17 ปี ซึ่งราว 1 ใน 3 ของเด็กที่เสียชีวิตทั้งหมด เป็นการเสียชีวิตในช่วงที่เกิดการระบาดของไวรัสโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน
“ดูเหมือนว่าเด็กๆ กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากโรคโควิด-19 ในขณะที่ข้อบังคับสวมหน้ากากอนามัยถูกยกเลิกทั่วประเทศ และอัตราการฉีดวัคซีนในหมู่เด็กลดต่ำลงจนน่ากังวล”
สหรัฐตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด สายพันธุ์โอไมครอน ครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ก่อนจะกลายเป็นสายพันธุ์หลัก ที่ระบาดภายในประเทศในไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น และถึงแม้ว่าสายพันธุ์ดังกล่าวจะมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา แต่ก็มีอันตรายถึงชีวิตมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ระบาดก่อนหน้าเดลตาถึง 3-5 เท่า
ข้อมูลของซีดีซี แสดงให้เห็นด้วยว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ติดเชื้อโควิดจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสูงเป็นประวัติการณ์ หรือพุ่งขึ้นถึง 5 เท่าในช่วงที่โอไมครอนระบาดถึงจุดสูงสุด เมื่อเทียบกับช่วงการระบาดของสายพันธุ์เดลตา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘สหรัฐ’ ยัน ‘วัคซีนไฟเซอร์’ ลดความเสี่ยง ‘เด็กติดโอไมครอน’ ลงมาอย่างมาก
- ไขข้อสงสัย คนติด ‘โอไมครอน’ แพร่เชื้อได้นานแค่ไหน
- ‘ไฟเซอร์’ ยื่นเรื่อง ‘อย.สหรัฐ’ ขออนุมัติใช้ฉุกเฉิน ‘วัคซีนโควิดเด็ก 6 เดือน-4 ขวบ’