โควิดวันนี้ 4 กุมภาพันธ์ 2565 นับถึงเวลา 09.00 น. ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 388,319,889 คน รักษาตัวหายแล้ว 307,715,151 คน และมียอดสะสมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 5,730,598 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นมา 3,057,968 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 11,288 ราย
สถานการณ์ โควิดวันนี้ 4 กุมภาพันธ์ 2565
Worldometer เว็บไซต์รายงานข้อมูลโควิด-19 ล่าสุด ที่รวบรวมมาจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สหรัฐพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 255,994 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมล่าสุดที่ 77,150,412 ราย และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2,376 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 920,829 มากสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก
ในยุโรป หลายประเทศต้องรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่สูงขึ้นอย่างมาก โดย ฝรั่งเศส มีผู้ติดเชื้อใหม่ 274,352 ราย เยอรมนี 240,218 ราย รัสเซีย 155,768 ราย และอิตาลี 112,691 ราย
การระบาดใหญ่ในแถบอเมริกาใต้ กลับมารุนแรงอีกครั้งเช่นกัน โดยบราซิล ซึ่งติดอยู่ในอันดับ 3 ของประเทศที่มียอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิดมากสุดในโลก พบผู้ติดเชื้อใหม่ 286,050 ราย ขณะที่อาร์เจนตินา เจอผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 42,437 ราย และชิลีที่ 35,197 ราย
เช่นเดียวกับ สถานการณ์ระบาดในเอเชีย ที่ยังมีผู้ติดเชื้อรายวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอินเดีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 147,183 ราย ตุรกี 147,183 ราย และญี่ปุ่นที่ 93,388ราย
ส่วนในอาเซียนนั้น กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดวันนี้ มีจำนวน 27,197 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,414,483 ราย สูงสุดในกลุ่มอาเซียน โดยมีผู้เสียชีวิตรายใหม่ จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 38 ราย ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตรวม 144,411 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน
ทางด้าน กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 8,702 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 3,585,461 ราย สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตสะสม จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ อยู่ที่ 54,168 ราย เพิ่มขึ้น 71 ราย
ทางด้าน ดร.นิคซี กูเมเด-โมเอเลตซี นักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวถึง รายงานการตรวจพบสายพันธุ์ย่อย BA.2 ของไวรัสโอไมครอนใน 5 ประเทศทวีปแอฟริกา คือ บอตสวานา, เคนยา, มาลาวี, เซเนกัล และแอฟริกาใต้ โดยระบุ WHO วิตกเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเกรงว่า อาจจะตรวจไม่พบสายพันธุ์ย่อย BA.2 ในตัวอย่างที่นำมาตรวจหาไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน
” ขณะนี้ WHO กังวลอย่างมาก เนื่องจากการตรวจ S-Gene Target Failure ซึ่งใช้ตรวจหาโอไมครอนสายพันธุ์หลักนั้น มักจะตรวจไม่พบเชื้อสายพันธุ์ย่อย BA.2 จึงทำให้ตรวจสอบได้ยากขึ้น”
ข้อมูลจาก WHO ระบุว่า สายพันธุ์ย่อย BA.2 เริ่มเข้ามาแพร่ระบาดแทนสายพันธุ์หลัก BA.1 ของไวรัสโอไมครอนในหลายประเทศ เช่น เดนมาร์ก แต่ยังไม่มีรายงานว่าสองสายพันธุ์นี้ส่งผลให้เกิดความรุนแรงของโรคที่แตกต่างกัน
ดร.กูเมเด-โมเอเลตซี บอกด้วยว่า WHO กำลังร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับห้องทดลองต่าง ๆ เพื่อขอให้ส่งตัวอย่างที่พบว่าไม่ใช่โอไมครอนกลับมาให้ WHO ตรวจวิเคราะห์อีกครั้ง เพื่อให้สามารถบ่งชี้ถึงการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ย่อย BA.2 ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- WHO ชี้หลายประเทศ โอไมครอนยังไม่พ้นจุดระบาดสูงสุด แนะอย่าเร่งผ่อนคลาย
- ‘ไฟเซอร์’ ยื่นเรื่อง ‘อย.สหรัฐ’ ขออนุมัติใช้ฉุกเฉิน ‘วัคซีนโควิดเด็ก 6 เดือน-4 ขวบ’
- อังกฤษตรวจสอบ ‘สายพันธุ์ย่อยโอไมครอน’ เจอแล้ว 40 ประเทศทั่วโลก
