โควิดวันนี้ 2 กุมภาพันธ์ 2565 นับถึงเวลา 09.00 น. ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 382,006,992 คน รักษาตัวหายแล้ว 301,720,153 คน และมียอดสะสมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 5,705,264 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นมา 2,863,792 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 11,168 ราย
สถานการณ์ โควิดวันนี้ 2 กุมภาพันธ์ 2565
Worldometer เว็บไซต์รายงานข้อมูลโควิด-19 ล่าสุด ที่รวบรวมมาจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สหรัฐพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 264,693 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมล่าสุดที่ 76,516,202 ราย และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2,780 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 913,924 มากสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก
ในยุโรป หลายประเทศต้องรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่สูงขึ้นอย่างมาก โดย ฝรั่งเศส มีผู้ติดเชื้อใหม่ 416,896 ราย รัสเซีย 125,836 ราย เยอรมนี 183,434 ราย และ อิตาลี 133,142 ราย
การระบาดใหญ่ในแถบอเมริกาใต้ กลับมารุนแรงอีกครั้งเช่นกัน โดยบราซิล ซึ่งติดอยู่ในอันดับ 3 ของประเทศที่มียอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิดมากสุดในโลก พบผู้ติดเชื้อใหม่ 171,028 ราย ขณะที่อาร์เจนตินา เจอผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 49,122 ราย และโคลอมเบียที่ 14,454 ราย
เช่นเดียวกับ สถานการณ์ระบาดในเอเชีย ที่ยังมีผู้ติดเชื้อรายวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอินเดีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 158,576 ราย ตุรกี 102,601 ราย อิสราเอล 65,875 ราย และญี่ปุ่นที่ 61,190 ราย
ส่วนในอาเซียนนั้น กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดวันนี้ มีจำนวน 16,021 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,369,391 ราย สูงสุดในกลุ่มอาเซียน โดยมีผู้เสียชีวิตรายใหม่ จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 28 ราย ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตรวม 144,348 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน
ทางด้าน กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 9,493 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 3,569,665 ราย สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตสะสม จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ อยู่ที่ 54,054 ราย เพิ่มขึ้น 51 ราย
นางมาเรีย ฟาน เคิร์คโฮฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า หลายประเทศยังไม่พ้นจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน และควรชะลอการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคอย่างช้า ๆ
เธอย้ำด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะยกเลิกมาตรการควบคุมโรคทั้งหมด แต่ควรทยอยยกเลิกมาตรการอย่างเหมาะสมแ ละค่อยเป็นค่อยไป เพราะไวรัสโควิด-19 นั้นสามารถกลายพันธุ์ และเปลี่ยนสถานการณ์ได้ตลอดเวลา
ด้านนพ.ทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO กล่าวว่า ทางองค์การกังวลเกี่ยวกับกระแสข่าวลือในบางประเทศที่กล่าวกันว่า “เรามีวัคซีนแล้ว ส่วนโอไมครอนถึงแพร่เชื้อได้เร็วแต่มีความรุนแรงต่ำ ฉะนั้น การดำเนินมาตรการป้องกันจึงใช้ไม่ได้จริง และไม่มีความจำเป็น”
นพ.เกเบรเยซุส ชี้ว่า หากโรคแพร่ระบาดได้มากขึ้น หมายความว่าจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากขึ้น โดย WHO ไม่ได้เรียกร้องให้ประเทศใดกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีก แต่เรียกร้องให้ทุกประเทศ ดำเนินมาตรการปกป้องประชาชนด้วยการใช้ทุกกลไกในการป้องกันโรค ไม่ใช่แค่พึ่งพาวัคซีนเพียงอย่างเดียว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อังกฤษตรวจสอบ ‘สายพันธุ์ย่อยโอไมครอน’ เจอแล้ว 40 ประเทศทั่วโลก
- ‘ฮ่องกง’ ไฟเขียว ฉีดวัคซีนโควิด เด็กอายุ 12 ปี
- ‘นิวยอร์ก’ อึ้ง! พบ ‘เด็ก’ ติดโควิดเข้าโรงพยาบาล พุ่ง 4 เท่า กว่าครึ่งอายุต่ำกว่า 5 ขวบ
