รัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการควบคุมการเดินทางครั้งใหม่ หลังพบไวรัสโควิด-19 “สายพันธุ์เดลตา” แพร่ระบาดไปแล้วเกือบครึ่งประเทศ ขณะรายงานล่าสุดชี้ แดนมังกรพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้ มากกว่า 500 รายแล้ว
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัฐบาลจีน ได้สั่งจำกัดการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ และรถแท็กซี่ใน 144 เมือง ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก พร้อมสั่งควบคุมการใช้รถไฟ และรถไฟใต้ดินในกรุงปักกิ่ง
ขณะที่ นายหลี่ หัวเฉียง เจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคม จีน ระบุว่า กระทรวงจะยกระดับควบคุมการเดินทางสัญจรของผู้โดยสาร เพื่อรับมือการกลับมาแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ครั้งล่าสุด
นายหลี่ บอกด้วยว่า หน่วยงานท้องถิ่น ควรระงับการขนส่งทางถนนขาเข้า-ออก จากอำเภอ และเขต อันเป็นที่ตั้งของพื้นที่เสี่ยงปานกลาง และสูงชั่วคราว พร้อมเสริมว่าเส้นทางขนส่งสาธารณะ และทางรถไฟที่ตัดผ่านพื้นที่ดังกล่าว จะต้องงดรับส่งผู้โดยสารในเขตเหล่านี้ด้วย
ทั้งนี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศจำนวน 94 ราย ในวันนี้ (5 ส.ค.) รวมถึง ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ 32 ราย ส่งผลให้จีนถูกไวรัสโควิด-19 คุกคามเป็นวงกว้างมากที่สุด นับตั้งแต่พบการแพร่ระบาดครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่นในปี 2562
นายแซม ฟาเซลี นักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์กล่าวว่า ปัญหาก็คือ วัคซีนของจีนอาจมีประสิทธิภาพน้อยลง ในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตา ซึ่งหมายความว่า การจะควบคุมไวรัสสายพันธุ์นี้ ก็ต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์เพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนเป็นวงกว้างมากขึ้นด้วย
รายงานระบุว่า เพียงแค่ 2 สัปดาห์ มีชาวจีนติดเชื้อ และล้มป่วยด้วยไวรัสสายพันธุ์เดลตากว่า 500 ราย
อ่านข่าวเพิ่มเติม