โควิดวันนี้ 8 ก.ค. นับถึงเวลา 09.00 น. ทั่วโลกมี ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 185,822,364 คน รักษาตัวหายแล้ว 170,077,521 คน และมียอดสะสมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,017,198 ราย ทำให้วันนี้ ทั่วโลกมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นมา 454,244 ราย และมีผู้เสียชีวิต จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 8,269 ราย
Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลโควิด-19 ล่าสุด ที่รวบรวมมาจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมจำนวน 34,643,902 ราย โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สหรัฐรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 16,429 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 621,873 ราย เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 244 ราย ยังคงเป็นอันดับ 1 ของโลก ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ คาดการณ์จากการจำลองข้อมูลว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐแล้ว โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 51.7% ของยอดผู้ติดเชื้อของสหรัฐในรอบ 2 สัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา แทนที่สายพันธุ์อัลฟา ซึ่งมีสัดส่วนลดลงเหลือ 28.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน
รายงานข่าวระบุว่า หลายรัฐในสหรัฐกำลังเผชิญปัญหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากขึ้น และผู้ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลพุ่งสูงขึ้น ขณะโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในประเทศ โดยขณะนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในทุกรัฐแล้ว
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระบุว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาติดต่อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งมีความเสี่ยงอย่างมากต่อผู้ที่ไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน พร้อมเชิญชวนให้ชาวอเมริกันรีบฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ดังกล่าว
เมื่อเดือนพฤษภาคม ประธานาธิบดีเดนได้ตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดส แก่ผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 70% ภายในวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐ แต่มีเพียง 18 รัฐ และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เท่านั้นที่บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
สถานีโทรทัศน์ ABC รายงานด้วยว่า 30% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐไม่ได้เข้ารับการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และไม่มีแผนที่จะฉีดวัคซีน โดยในบรรดาผู้ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนนั้น 73% ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของสหรัฐกล่าวเกินจริงเกี่ยวกับความเสี่ยงของไวรัสสายพันธุ์เดลตา และ 79% คิดว่าพวกเขามีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยที่จะติดเชื้อโควิด-19
ทางด้าน อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มีตัวเลขผู้ติดเชื้อช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาที่ 30,708,570 ตามด้วย บราซิล (18,909,037), ฝรั่งเศส (5,794,665), รัสเซีย (5,682,634), ตุรกี (5,459,923)
สหราชอาณาจักร (4,990,916), อาร์เจนตินา (4,593,763), โคลอมเบีย (4,426,811) และอิตาลี (4,265,714)
ประเทศที่มียอดสะสมผู้ติดเชื้อมากกว่า 3 ล้านคน รวมถึง สเปน เยอรมนี และอิหร่าน ส่วนประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 ล้านราย ได้แก่ โปแลนด์ เม็กซิโก อินโดนีเซีย ยูเครน แอฟริกาใต้ และ เปรู โดยประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านราย ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ชิลี ฟิลิปปินส์ แคนาดา อิรัก สวีเดน เบลเยียม และโรมาเนีย
สำหรับสถานการณ์ในอาเซียนนั้น กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีจำนวน 34,379 ราย ส่งผลให้ จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 2,379,397 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุด ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
ส่วนผู้เสียชีวิต จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 1,040 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 62,908 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน
ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุข ฟิลิปปินส์ รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อ โควิดวันนี้ 8 ก.ค. ที่ 1,450,110 ราย เพิ่มขึ้น 4,289 คน ส่วนผู้เสียชีวิต จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 164 ราย ทำให้มียอดสะสมผู้เสียชีวิตล่าสุด อยู่ที่ 25,459 ราย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- มีข้อมูลไม่พอ! ‘สิงคโปร์’ ไม่นับ ‘ซิโนแวค’ เข้าระบบฉีดวัคซีนแห่งชาติ
- เลือกได้เลย! อยากฉีด ‘โมเดอร์นา’ ต้องจ่ายเงิน ส่วน ‘ไฟเซอร์’ ฟรี
- ข่าวดี! สหรัฐเตรียมบริจาค ‘วัคซีนคุณภาพ’ ให้ไทย
