COVID-19

เลือกได้เลย! อยากฉีด ‘โมเดอร์นา’ ต้องจ่ายเงิน ส่วน ‘ไฟเซอร์’ ฟรี

อยากฉีดโมเดอร์นา ต้องจ่ายเงินเอง อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันชัดเจน รัฐบาลเลือกวัคซีนไฟเซอร์ เป็นวัคซีนหลัก ส่วนวัคซีนโมเดอร์นา เป็นวัคซีนทางเลือก 

หลังจากโลกโซเชียล แห่ติดแฮชแท็ก ทวงคืนวัคซีนโมเดอร์นา ให้รัฐบาลจัดหามาฉีดให้ประชาชนโดยไม่ต้องจ่ายเงินฉีดเอง ล่าสุด นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดี กรมควบคุมโรค (คร.) ออกมายืนยันชัดเจนว่า สำหรับผู้ที่ อยากฉีดโมเดอร์นา ประชาชนต้องจ่ายเงินเอง เพราะเป็นวัคซีนทางเลือก

อยากฉีดโมเดอร์นา

นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับวัคซีน mRNA ปัจจุบันมี 2 ตัว คือ โมเดอร์นา และไฟเซอร์ ซึ่งถ้าพูดถึงประสิทธิภาพ ผลข้างเคียงนั้นมีความใกล้เคียงกัน แล้วรัฐบาลเลือกที่จะใช้ไฟเซอร์แล้ว ส่วนโมเดอร์นา ถูกกำหนดให้เป็นวัคซีนทางเลือก ซึ่งภาคเอกชนสามารถจัดหามาเสริมให้ประชาชนได้ เบื้องต้นเข้าใจว่ามีประมาณ 5 ล้านโดส

ทั้งนี้ ล่าสุด ครม. ได้อนุมัติให้กรมควบคุมโรค ลงนามในสัญญาซื้อจำนวน 20 ล้านโดส และ มีมติให้รับคำแนะนำของอัยการสูงสุด ไปเจรจรากับบริษัทไฟเซอร์ ว่าสัญญาส่วนไหนที่จะสามารถปรับปรุงได้บ้าง ซึ่ง กรมควบคุมโรค จะลงนามในสัญญาภายในสัปดาห์นี้ ตามกรอบเป้าหมายที่ครม.ให้คำแนะนำมา

ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ จะมีการบริจาคไฟเซอร์ให้ประเทศไทย 1.5 ล้านโดสนั้น มีการลงนามแล้ว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (7 ก.ค.) จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป โดยวัคซีนจะเข้าสู่ประเทศไทยเร็วๆ นี้

นพ.โอภาส ยังกล่าวถึงกรณีที่มีรายงานวัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค ต่ำที่สุด ทำไมรัฐบาลจึงยังมีมติสั่งซื้อเข้ามาเพิ่ม ว่า การใช้วัคซีนต้องมอง 2 ส่วน คือเรื่องประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ขณะนี้ประเทศไทย มีแผนการสั่งซื้อวัคซีน ทั้งซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์

“วันนี้มีการทบทวนข้อมูล ก็ต้องชี้แจงว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนจะมีการตรวจ คือ 1. เจาะเลือดตรวจดูว่าภูมิคุ้มกันขึ้นเป็นตัวเลขเท่าไหร่ 2. การทดสอบในมนุษย์จำนวนมาก แต่ในความเป็นจริง เวลาฉีดวัคซีนในแต่ละประเทศนั้น จะมีการทดสอบวัคประสิทธิภาพจากการใช้จริงว่าป้องกันโรคได้อย่างไร” นพ.โอภาส กล่าว

อยากฉีดโมเดอร์นา
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์

สำหรับวัคซีนทั้ง 3 ตัวที่ประเทศไทยใช้ และมีแผนนำมาใช้นั้น ไม่มีตัวใดป้องกันการติดเชื้อได้ 100% แต่ยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันได้อยู่ บางตัวกันได้ 80%, 90% หรือ 60 % ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ยืนยันว่าทุกตัวที่เอามาใช้นั้น มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ สามารถลดการติดเชื้อได้ ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

“สิ่งที่เหมือนกันของวัคซีนทั้ง 3 ชนิด คือสามารถลดการป่วยหนัก ลดการนอนโรงพยาบาล ลดการใช้ไอซียูซึ่งเราขาดแคลนอยู่ ตรงนี้เห็นตรงกันทุกรายงาน ทั้งภาพสนาม การป่วยหนัก สามารถป้องกันการเสียชีวิตได้เกือบ 90% เกือบทุกตัว” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

ในส่วนของประเด็นเรื่องความปลอดภัย แรกๆ ที่กังวลเรื่องการใช้วัคซีนแอสตร้าฯ แล้วเกิดลิ่มเลือดอุดตันนั้น ทางผู้เชี่ยวชาญพยายามอธิบายหลายครั้งว่า ภาวะนี้เกิดในคนฝรั่งผิวขาว แต่คนเอเชียเกิดน้อย ซึ่งตอนหลังจากการฉีดแอสตร้าฯ ไป 4 ล้านโดส แทบไม่มีข่าวเกิดลิ่มเลือดในคนไทยเลย แต่ต้องติดตามข้อมูลอยู่

ขณะที่ ซิโนแวค เป็นเทคโนโลยีเก่า ผลข้างเคียงน้อยมาก เห็นตรงกันว่าเทียบแล้วปลอดภัยที่สุด ส่วนไฟเซอร์ หากติดตามข่าวจะมีข้อกังวลเล็ก ๆ กรณีที่ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) พบอุบัติการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ในคนหนุ่มอายุน้อย มากขึ้นโดยคาดว่าเกิดจากวัคซีน

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 ตัว เมื่อเทียบประสิทธิภาพ อาการข้างเคียง ความปลอดภัย กับประโยชน์ และโทษนั้น การฉีดวัคซีนมีประโยชน์มากกว่า วันนี้ประเทศไทยฉีดแล้ว 11 ล้านโดส ก็จะเร่งดำเนินการฉีดต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo