ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (14 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ร่วงหนักกว่า 3 ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงกดดันจาก “เงินดอลลาร์” แข็งค่าขึ้น และความต้องการพลังงานมีแนวโน้มอ่อนแอลง
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ร่วงลง 3.5 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 85.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนธันวาคม ร่วงลง 2.94 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 91.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ น้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ ราคาร่วงลงไปมากถึง 7.6% และ 6.4% ตามลำดับ
ราคายังถูกกดดันจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันลงอย่างมาก จากปัญหาด้านเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้น
เงินดอลลาร์ ที่แข็งค่าขึ้น ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่กดดันตลาด โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.84% แตะที่ระดับ 113.3090
การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้น้ำมันดิบ ที่กำหนดราคาซื้อขาย เป็นเงินดอลลาร์นั้น แพงขึ้น และไม่น่าดึงดูดใจ สำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘โกลด์แมน แซคส์’ คาด น้ำมันดิบ ราคาดีดถึง 115 ดอลลาร์ ต้นปี 66 เหตุ ‘โอเปคพลัส’ ลดผลิตครั้งใหญ่
- ไม่สนแรงกดดัน! ‘โอเปคพลัส’ หั่นกำลังผลิตน้ำมันวันละ 2 ล้านบาร์เรล หวังดันราคา
- ‘ไออีเอ’ ชี้ ‘รัสเซีย’ ผลิตน้ำมันมากเกินคาด แต่ ‘มาตรการคว่ำบาตร’ เริ่มกระทบ