World News

‘ราคาน้ำมัน WTI’ ปิดพุ่ง 1.84 ดอลลาร์ หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันกลั่นลด

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ วานนี้ (13 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น พุ่งสูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 วัน แรงหนุนจากการคาดการณ์ปริมาณน้ำมันฮีตติ้งออยล์ที่ตึงตัวในช่วงฤดูหนาว หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันกลั่นรายสัปดาห์ลดลงเกือบ 5 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน พุ่งขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 89.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนธันวาคม ราคาพุ่งขึ้น 2.12 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 94.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมัน

ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากการเปิดเผยสต็อกน้ำมันกลั่นที่ลดลงในสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์ และน้ำมันดีเซล ลดลง 4.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 7 ตุลาคม ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจลดลง 2 ล้านบาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 9.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล

ราคาปรับตัวขึ้น ขณะที่บรรดาเทรดเดอร์ปรับตัวรับปัจจัยลบต่าง ๆ ทั้งจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่สูงเกินคาด การเตือนของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่ว่า การตัดสินใจของกลุ่มโอเปคพลัสในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่จะลดการผลิตน้ำมันลงนั้น อาจทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐ โดยฟื้นตัวจากการร่วงลงในช่วงเช้าซึ่งถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo