ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (30 ส.ค.) ตามเวลบาท้องถิ่น ร่วงลง 5.37 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลว่า การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก อาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง ทั้งยังเจอแรงกดดันจากข่าวที่ว่า อิรัก พร้อมที่จะเพิ่มการส่งออกน้ำมันดิบไปยุโรป
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนตุลาคม ร่วงลง 5.37 ดอลลาร์ หรือ 5.5% ปิดที่ 91.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนเดียวกัน ดิ่งลง 5.78 ดอลลาร์ หรือ 5.5% ปิดที่ 99.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมัน ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังจากธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ตลาดยังไดัรับแรงกดดันหลังจาก SOMO ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลอิรักแถลงว่า ทางบริษัทพร้อมที่จะเพิ่มการส่งออกน้ำมันดิบไปยังยุโรป หากมีความจำเป็น
แหล่งข่าวระบุว่า SOMO ได้เพิ่มการส่งออกน้ำมันไปยังยุโรปตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังบางประเทศในเอเชีย เช่น จีน และอินเดีย หันไปซื้อน้ำมันราคาถูกจากรัสเซีย ขณะที่ยุโรปคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในเดือนกุมภาพันธ์
นักลงทุน ยังจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติพันธมิตร หรือโอเปคพลัส ในวันที่ 5 กันยายนนี้ ทั้งยังรอดูตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (อีไออี) ที่จะเปิดเผยออกมาวันนี้
ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 สิงหาคม และคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลงราว 1.3 ล้านบาร์เรล
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไบเดน’ จ่อผลักดัน ‘ยกเว้นภาษีน้ำมัน-ลดกำแพงภาษีจีน’ ช่วยคนอเมริกันรับมือเงินเฟ้อ
- เปิดเหตุผล ‘ราคา น้ำมัน’ ยังแพงอีกนาน
- ‘ยูเออี’ ลั่น ทำงานร่วม ‘โอเปกพลัส’ สร้างเสถียรภาพ ‘ตลาดน้ำมันโลก’