ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น พุ่งขึ้นเกือบ 4% หลัง “ซาอุดีอาระเบีย” เสนอให้ “โอเปค” และ “โอเปคพลัส” ลดกำลังการผลิต เพื่อพยุงราคาน้ำมัน ในกรณีที่น้ำมันดิบจากอิหร่านหวนคืนสู่ตลาด
ราคาน้ำมันดิบ WTIกำหนดส่งมอบเดือนตุลาคม พุ่งขึ้น 3.38 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 93.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 3.74 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 100.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เจ้าชายอับดูลาซิส บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า กลุ่มโอเปคพลัสมีความมุ่งมั่น ความยืดหยุ่น และแนวทางในการรับมือกับความท้าทาย ซึ่งรวมถึงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันได้ทุกเวลา และในรูปแบบที่แตกต่างกัน
เจ้าชายอับดูลาซิส บอกด้วยว่า โอเปคและชาติพันธมิตร จะทำข้อตกลงฉบับใหม่ต่อจากปี 2565 ซึ่งจะสร้างขึ้นบนประสบการณ์ และความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวของโอเปค ระบุว่า โอเปคพลัสอาจจะไม่ปรับลดกำลังผลิตน้ำมันในทันที และจะดำเนินการให้สอดคล้องกับกรณีที่น้ำมันของอิหร่านหวนคืนสู่ตลาด หากว่าอิหร่านสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับชาติตะวันตกได้
นักลงทุน ยังจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ (24 ส.ค.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง 3.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ ที่สิ้นสุดวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา และคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไบเดน’ จ่อผลักดัน ‘ยกเว้นภาษีน้ำมัน-ลดกำแพงภาษีจีน’ ช่วยคนอเมริกันรับมือเงินเฟ้อ
- เปิดเหตุผล ‘ราคา น้ำมัน’ ยังแพงอีกนาน
- ‘ยูเออี’ ลั่น ทำงานร่วม ‘โอเปกพลัส’ สร้างเสถียรภาพ ‘ตลาดน้ำมันโลก’