ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (17 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 2% หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 88.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.42% ปิดที่ 93.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาดีดตัวขึ้น หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 7.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากรายงานข่าวที่ว่า รัสเซียเริ่มปรับเพิ่มการผลิตน้ำมัน หลังจากกลุ่มผู้ซื้อในเอเชียสั่งซื้อน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้รัสเซียมีรายได้จากการส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้น 38% ในปีนี้
นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก ขณะที่ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า การรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่าน สหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐ จะยังไม่บรรลุผลในระยะใกล้นี้ และต่อให้ทุกฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ก็เชื่อว่าน้ำมันจากอิหร่านจะยังไม่สามารถไหลเข้าสู่ตลาดได้จนกว่าจะถึงปีหน้า
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไบเดน’ จ่อผลักดัน ‘ยกเว้นภาษีน้ำมัน-ลดกำแพงภาษีจีน’ ช่วยคนอเมริกันรับมือเงินเฟ้อ
- เปิดเหตุผล ‘ราคา น้ำมัน’ ยังแพงอีกนาน
- ‘ยูเออี’ ลั่น ทำงานร่วม ‘โอเปกพลัส’ สร้างเสถียรภาพ ‘ตลาดน้ำมันโลก’