ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (28 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ขยับลงเล็กน้อย 84 เซนต์ หลังมีรายงานว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส ทำให้นักลงทุนกังวลว่า อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 84 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 96.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 107.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 หดตัว 0.9% หลังจากที่หดตัว 1.6% ในไตรมาส 1 ซึ่งการที่จีดีพีหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย “ทางเทคนิค” โดยเข้าเกณฑ์นิยามของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
อย่างไรก็ดี ตลาดน้ำมัน ยังได้แรงหนุนระหว่างวัน จากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะลดลงเพียง 800,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 800,000 บาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 200,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากภาวะตึงตัวในตลาด รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ยุโรปจะหันมาใช้น้ำมันดิบมากขึ้น หลังรัสเซียลดการส่งก๊าซผ่านท่อส่งนอร์ด สตรีม 1
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ราคาน้ำมัน WTI’ ปิดพุ่ง 2.28 ดอลลาร์ ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดเกินคาด
- ‘ราคาน้ำมัน WTI’ ทะยานถึง 96 ดอลล์ แรงหนุนเงินดอลลาร์อ่อนค่า
- ‘ไบเดน’ จ่อผลักดัน ‘ยกเว้นภาษีน้ำมัน-ลดกำแพงภาษีจีน’ ช่วยคนอเมริกันรับมือเงินเฟ้อ
