World News

‘ราคาน้ำมัน WTI’ ดีดรอบใหม่ พุ่งทะลุ 102 ดอลล์ เหตุ เงิน ‘ดอลลาร์’ อ่อนค่า หนุนแรงซื้อ

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปิดตลาดปิดพุ่งขึ้นทะลุ 102 ดอลลาร์ แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า “ธนาคารกลางสหรัฐ” จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 1% ในการประชุมเดือนนี้

ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนสิงหาคม พุ่งขึ้น 5.01 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 102.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนกันยายน พุ่งขึ้น 5.11 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 106.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมัน

ตลาดน้ำมัน ได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.64% แตะที่ 107.3660 เมื่อคืนนี้  ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์ ช่วยให้ราคาน้ำมัน ซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลง และน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 1% ในการประชุมระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคมนี้ หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด ออกมาสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.75% ในการประชุมวันดังกล่าว

บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับปัจจัยบวก จากภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว จากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ล้มเหลวในการโน้มน้าวให้สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพิ่มกำลังการผลิต เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน หลังเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะเดียวกัน ฝั่งยุโรปยังต้องเตรียมรับมือกับวิกฤติพลังงาน โดยตลาดกำลังจับตาว่า รัสเซียจะกลับมาส่งก๊าซธรรมชาติ ผ่านทางท่อส่งนอร์ด สตรีม 1 หลังวันที่ 21 กรกฎาคมนี้หรือไม่ หลังจากบริษัทนอร์ด สตรีม เอจี ประกาศปิดท่อส่งดังกล่าว ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย มายังเยอรมนี ผ่านทางทะเลบอลติก ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม โดยให้เหตุผลว่าเป็นการซ่อมบำรุง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo