World News

ให้เวลา 2 ปี! ‘อียู’ บังคับทุกแบรนด์ ‘สมาร์ทโฟน-แทบเล็ต’ ใช้ ‘หัวชาร์จ’ แบบเดียวกันหมด

“อียู” เห็นพ้องในข้อตกลงชั่วคราว กำหนดให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ “สมาร์ทโฟน” และ “แทบเล็ต” ทุกยี่ห้อ ที่ขายในกลุ่มชาติสมาชิก ต้องใช้หัวชาร์จแบบเดียวกันทั้งหมด ภายในปี 2567

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังจากที่มีการนำเสนอมาตรการ ที่กำหนดให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ใช้สายชาร์จรูปแบบเดียวกันทั้งหมด กับสมาร์ทโฟน และแทบเล็ต เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ในที่สุด ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ก็เห็นพ้องที่จะบังคับใช้ข้อตกลงชั่วคราวในเรื่องดังกล่าว สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่วางจำหน่ายภายในแต่ละประเทศสมาชิก

shutterstock 668531035

อังเดรย์ โควัทเชฟ สมาชิกสภายุโรป จากบัลแกเรีย ระบุว่า ข้อตกลงชั่วคราวนี้ จะทำให้การใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุโรป สะดวกสบายมากขึ้น และจะดีต่อสภาพแวดล้อมด้วย

ขณะที่ อเล็กซ์ อากิอุส ซาลิบา หัวหน้าฝ่ายเจรจาของคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า ผู้บริโภคในยุโรปประสบปัญหากับสายชาร์จมากมายหลายแบบที่กองอยู่ที่บ้าน ตอนนี้พวกเขาจะสามารถพกสายชาร์จเพียงแบบเดียวกับทุกอุปกรณ์ที่มีในมือได้แล้ว ซึ่งเป็นก้าวที่สำคัญในการเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภคในยุโรป

ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพา อาทิ สมาร์ทโฟน แทบเล็ต แลปท็อป หูฟัง กล้องดิจิทัล เครื่องเล่นเกมพกพา คีย์บอร์ด เมาส์ ลำโพงพกพา และจีพีเอส จะต้องสามารถชาร์จไฟ ด้วยที่ชาร์จแบบ USB Type-C ภายในปลายปี 2567 ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้ ถือเป็นครั้งแรกของโลก และเกิดขึ้นหลังจากที่หลายบริษัทล้มเหลว ที่จะหาทางออกร่วมกัน

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จำหน่ายใน 30 ประเทศในยุโรปเท่านั้น ขณะที่บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายแห่ง เริ่มใช้ระบบสายชาร์จแบบ USB-C กับอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้ว

การเคลื่อนไหวข้างต้น ยังสร้างความเสียหายให้กับ “แอปเปิ้ล” ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากสหรัฐอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ปฏิเสธที่จะปฏิบัติในเรื่องนี้ ตามที่อียูเคยร้องขอให้กระทำโดยสมัครใจ ในความพยายามที่จะลดรูปแบบหัวชาร์จ สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่วางจำหน่ายอยู่ในตลาด

แอปเปิ้ล ซึ่งใช้ที่ชาร์จแบบสาย Lightning กับสินค้าของบริษัทเกือบทุกชนิด เคยยื่นคัดค้านมาตรการนี้โดยชี้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่มีความจำเป็น พร้อมแสดงความวิตกว่า จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนานวัตกรรม และสร้างความเดือดร้อนกับผู้บริโภค แม้ว่าไอโฟน ของแอปเปิ้ล จะสามารถเสียบเข้ากับช่อง USB-C ได้แล้วก็ตาม

shutterstock 1687251595

นอกจากนี้มาตรการข้างต้นแล้ว อียูยังวางแผน ที่จะจัดทำมาตรฐานเทคโนโลยีการชาร์จแบบรวดเร็วขึ้นมาด้วย และเปิดทางให้ผู้บริโภคมีสิทธิ์เลือกว่าจะซื้ออุปกรณ์ใหม่พร้อมสายชาร์จหรือไม่ ซึ่งอียูคาดว่า จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภคได้ราว 250 ล้านยูโรต่อปี

ซาลิบา หัวหน้าฝ่ายเจรจาของคณะกรรมาธิการยุโรป บอกด้วยว่า สายชาร์จที่จำหน่ายพ่วงมากับอุปกรณ์ราว 1 ใน 3 ยังคงเก็บอยู่ในกล่องอุปกรณ์ที่ซื้อไปโดยไม่ได้นำมาใช้ และนอกจากการอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคแล้ว อียู ยังตั้งใจจะใช้นโยบายนี้เพื่อช่วยลดปริมาณขยะอิเลกทรอนิกส์ในยุโรปที่มีมากถึง 11,000 ตันต่อปีด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo