ราคาน้ำมัน ทะยานเกือบ 3% ปิดตลาดเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. โดยราคาน้ำมันเบรนท์ พุ่งขึ้นเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมี.ค. จากความหวังความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่หลายประเทศเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19
อังกฤษเริ่มฉีดวัคซีนในสัปดาห์นี้ และสหรัฐอาจจะเริ่มในสัปดาห์หน้า ส่วนแคนาดาได้รับรองวัคซีนโควิด-19 แล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มฉีดให้กับประชาชนในสัปดาห์หน้า
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์/บาร์ฌรล หรือ 2.8% อยู่ที่ 50.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้นเป็นวันที่ 3 ส่วนน้ำมันดิบสหรัฐ (WTI) เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 2.8% อยู่ที่ 46.78 ดอลลาร์/บาร์ฌรล
ราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยน้ำมันดิบเบรนท์ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 51.06 ดอลลาร์/บาร์เรล และน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้น 47.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นสัญญาณว่านักลงทุนแห่ซื้อเก็งกำไรกันมากเกินไป
ราคาน้ำมันทะยานขึ้น แม้สหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น สวนทางนักวิเคราะห์มองว่าสต็อกน้ำมันสหรัฐจะลดลง โดยตลาดเมินสต็อกน้ำมันสหรัฐเพิ่มขึ้น จากเดิมจะเป็นปัจจัยหลักต่อตลาดน้ำมันโลก
ราคาน้ำมัน ยังฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ฟื้นขึ้นมาได้จากกลุ่มโอเปกและพันธมิตร หรือรู้จักกันในนาม โอเปกพลัส ลดกำลังการผลิตลง ซึ่งยังคงลดกำลังการผลิตจนถึงเดือนม.ค.ปีหน้า นับว่าเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม :
- ปตท.คาดแนวโน้มราคาน้ำมันขยับขึ้น จากวัคซีนโควิด-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ราคาน้ำมัน “ขาขึ้น” จากข่าววัคซีนโควิดใกล้สำเร็จ-ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
- โออาร์ ส่ง ส.ค.ส. ‘สร้าง ความ สุข’ ผู้บริโภค ปีใหม่นี้ ไม่ขึ้นราคาน้ำมัน