ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้านี้ (15 ก.ค.) ฟื้นตัวขึ้นตามการทะยานสูงขึ้นของดาวโจนส์ เมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) แต่ยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน จากความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างจีน กับสหรัฐ และสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลก
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ของญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 22,912.08 จุด ปรับขึ้นมา 325.07 จุด หรือ 1.44% ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกง ที่ 25,638.94 จุด เพิ่มขึ้น 161.05 จุด หรือ 0.63% ดัชนีคอมโพสิต เซี่ยงไฮ้ ของจีนที่ 3,399.33 จุด ลดลง 15.28 จุด หรือ 0.45% และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ ที่ 2,653.31 จุด บวก 33.12 จุด หรือ 1.26%
ขณะที่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายเมื่อวานนี้ที่ 26,642.59 จุด พุ่งขึ้น 556.79 จุด หรือ 2.13% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,197.52 จุด เพิ่มขึ้น 42.30 จุด หรือ 1.34% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 10,488.58 จุด เพิ่มขึ้น 97.73 จุด หรือ 0.94%
ตลาดเอเชีย ยังได้รับปัจจัยบวก จากการที่นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดรุกซื้อสินทรัพย์จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งถูกกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นางเบรนาร์ด กล่าวระหว่างการประชุมทางไกล ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐว่า เฟดควรซื้อสินทรัพย์จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ขณะเดียวกัน เธอเตือนว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาจเผชิญกับอุปสรรค และจำเป็นที่จะต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายต่อไป
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข่าวความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ
โมเดอร์นา ออกแถลงการณ์ช่วงค่ำวันอังคารตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยระบุว่า ผลการทดลองขั้นต้น ในการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 กับผู้ป่วย 45 คนพบว่า ผู้ป่วยทั้งหมดมีการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันในระดับที่แข็งแกร่ง
ผู้ป่วยทั้ง 45 คนสามารถผลิตแอนติบอดีที่เป็นกลาง ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีความสำคัญต่อการสร้างภูมิคุ้มกัน และได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้นว่า วัคซีนอาจสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ในระดับหนึ่ง
