ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายวันนี้ (31 มี.ค.) ขยับตัวขึ้นมาเล็กน้อย ท่ามกลางความพยายามของนักลงทุน ที่จะะปิดไตรมาสที่ตลาดมีความผ้นผวนมากสุดเป็นประวัติการณ์ในด้านบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 22,404.46 จุด ขยับขึ้น 76.98 จุด หรือ 0.34% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 2,630.76 จุด เพิ่มขึ้น 4.11 จุด หรือ 0.16% และดัชนีแนสแด็กที่ 7,838.76 จุด บวก 64.61 จุด หรือ 0.83%
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ในการซื้อขายวันสุดท้ายของไตรมาสนี้ ตลาดค่อนข้างมีความผันผวนสูง จากการที่นักลงทุนพยายามที่จะเข้าลงทุน เพื่อปิดไตรมาสในแดนบวก ด้วยการเข้าช้อนซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มว่าจะต้านทานภาวะเศรษฐกิจซบเซาได้ แต่ความกังวลถึงสภาพเศรษฐกิจที่เสียหายอย่างหนัก จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ยังสกัดขาขึ้นเอาไว้
ในไตรมาสแรกของปี 2563 ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 21.8% ทำสถิติเป็นไตรมาสที่ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2530 และเป็นไตรมาสแรกที่ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยในเดือนมีนาคมเพียงเดือนเดียว ดาวโจนส์ ร่วงลงมาถึง 12% และทำสถิติเป็นเดือนที่ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551
มาตรการอัดฉีดทั้งด้านการเงิน และการคลัง ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอย่างเหนือความคาดหมาย ช่วยให้ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพขึ้นมาในระยะสั้นๆ หลังจากที่แกว่งตัวอย่างรุนแรง ในแบบที่ทำให้ดัชนีเอสแอนด์พี 500 พุ่งขึ้นไป 9% ในวันหนึ่ง เพื่อที่จะดิ่งลงไปถึง 12% ในวันต่อมา
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์เปิดเผยว่า ชาวอเมริกันจำนวนหลายล้านคนได้ถูกปลดออกจากงานในขณะนี้ อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจะเกิดขึ้นตามมา
ทั้งนี้ เฟดคาดการณ์ว่าภาคธุรกิจสหรัฐมีการปลดพนักงานรวม 47 ล้านคน ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 32.1% ซึ่งสูงกว่าระดับ 30% ที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวไว้ก่อนหน้านี้
