ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (24 มี.ค.) ฟื้นตัวแรง รับข่าวแบงก์ชาติสหรัฐ ให้คำมั่นถึงการสร้างเสถียรภาพในระบบการเงิน ด้วยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ รวมถึงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงินไม่จำกัด เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนีนิกเคอิ ของญี่ปุ่นเคลื่อนไหวล่าสุดที่ 17,971.94 จุด พุ่งขึ้น 1,084.16 จุด หรือ 6.42% ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงที่ 22,564.23 จุด ทะยานขึ้นมา 868.10 จุด หรือ 4.00% ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีน ที่ 2,706.90 จุด เพิ่มขึ้น 46.73 จุด หรือ 1.76% และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ ที่ 2,324.86 จุด บวก 91.38 จุด หรือ 4.09%
ขณะที่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของสหรัฐ ปิดซื้อขายเมื่อวานนี้ (23 มี.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ที่ 18,591.93 จุด ร่วงลง 582.05 จุด หรือ 3.04% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,237.40 จุด ลดลง 67.52 จุด หรือ 2.93% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 6,860.67 จุด ลดลง 18.84 จุด หรือ 0.27%
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เข้าแทรกแซงตลาดครั้งใหญ่ ด้วยการทำ QE แบบไม่จำกัดวงเงิน, เข้าซื้อหุ้นกู้ของภาคเอกชนเป็นครั้งแรก โดยจะซื้อหลักทรัพย์ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในขั้นน่าลงทุน ทั้งในและนอกตลาด รวมทั้งจะเข้าซื้อกองทุน ETFs
นอกจากนี้ เฟดจะเพิ่มวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์สำหรับโครงการปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ และโครงการสินเชื่อที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันที่มีการใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงิน
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงจับตาผลกระทบของไวรัสโควิด-19 หลังจากนางคริสตาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า IMF คาดว่า แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะติดลบ โดยอย่างน้อยที่สุดเศรษฐกิจก็จะเข้าสู่ภาวะถดถอยที่เลวร้ายพอๆ กับในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงินโลก หรืออาจจะเลวร้ายยิ่งกว่า
ขาขึ้นของตลาดหุ้น ยังช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบในเอเชียเช้าวันนี้ ปรับขึ้นมาเล็กน้อย โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ของสหรัฐ เคลื่อนไหวล่าสุด ขยับขึ้นมา 64 เซนต์ ที่ 24.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ขยับขึ้น 53 เซนต์ ที่ 27.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
