ผู้นำญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ เห็นพ้องกันในวันนี้ (24 ธ.ค.) ที่จะกระชับความร่วมมือ 3 ฝ่าย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายปลดนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ หลังอีกฝ่ายเพิ่มการยั่วยุต่อสหรัฐ จากการที่การเจรจานิวเคลียร์หยุดชะงัก
ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกัน หลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนประธานในการจัดประชุม 3 ฝ่ายประจำปีนี้ แสดงความหวังว่า ปัญหาต่างๆ ในคาบสมุทรเกาหลีจะสามารถแก้ไขได้ ผ่านทางการเจรจา
ขณะที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จะรักษาการเจรจาระหว่างสหรัฐ กับเกาหลีเหนือให้เดินหน้าต่อไปได้ และว่าควรที่จะมีการนำข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในเรื่องเกาหลีเหนือมาปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ
ในระหว่างการหารือกันที่เมืองเฉิงตู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนนั้น ผู้นำทั้ง 3 ชาติยังได้พูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้วย ซึ่งนายหลี่ เปิดเผยว่า จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ต่างเห็นพ้องที่จะเร่งการเจรจา 3 ฝ่ายในเรื่องข้อตกลงการค้าเสรี และขยายข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ที่มีอีก 13 ชาติรวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ดี เรื่องเกาหลีเหนือ ที่เป็นหัวข้อหลักสำหรับการหารือในครั้งนี้ ก่อนถึงกำหนดเส้นตายที่ทางฝ่ายเกาหลีเหนือยื่นคำขาดไว้ ที่จะให้มีความคืบหน้าในการเจรจาเรื่องปลดอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐ ซึ่งในปีนี้ เกาหลีเหนือได้ดำเนินการทดลองยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้หลายครั้ง อันขัดต่อข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และทำให้บรรดาประเทศเพื่อนบ้านต้องอยู่ในภาวะระวังตัวระดับสูง
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเพิ่มมากขึ้นว่า เกาหลีเหนืออาจทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป หากการเจรจากับสหรัฐล้มเหลวที่จะบรรลุข้อตกลงสำคัญใดๆ ภายในสิ้นปีนี้
ในความพยายามที่จะป้องกันสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีไม่ให้มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นนั้น จีน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าใกล้ชิด และเป็นพันธมิตรที่มีอิทธิพลกับเกาหลีเหนือมากที่สุด ได้แสดงความพร้อมที่จะบรรเทามาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของนานาชาติต่อเกาหลีเหนือ
ช่วงต้นเดือนนี้ จีน พร้อมด้วยรัสเซีย ได้ยื่นร่างข้อมติต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่มีเป้าหมายเพื่อผ่อนปรนการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ขณะที่นายอาเบะ ก็พยายามหาความร่วมมือจากผู้นำประเทศต่างๆ ในการแก้ปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน เกี่ยวการที่รัฐบาลเปียงยางลักพาตัวพลเมืองญี่ปุ่น ในช่วงทศวรรษ 70 และ 80
ทั้งนี้ กรอบการทำงาน 3 ฝ่ายนี้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะด้านความมั่นคง และเศรษฐกิจเท่านั้น โดยทั้งจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ต่างมองหาความร่วมมือมากขึ้นในด้านอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง รวมถึง การท่องเที่ยว ดูแลสุขภาพ และการป้องกันภัยพิบัติ
ที่มา : Kyodo
