ผลสำรวจความคิดเห็นผู้นำธุรกิจในเอเชีย แปซิฟิก ระบุ เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 สำหรับการลงทุนข้ามแดน
ไพร้ซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ (พีดับเบิลยูซี) เปิดเผยรายงาน การทำธุรกิจข้ามแดนในเอเชีย แปซิฟิก 2562 – 2563 “Doing business across borders in Asia Pacific 2019-2020” ซึ่งจัดทำขึ้นจากการสำรวจความคิดเห็นผู้นำธุรกิจมากกว่า 1,000 คน จากประเทศสมาชิก กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย แปซิฟิค (เอเปค) โดยพบว่า ผู้นำธุรกิจต่างๆ ในเวียดนาม มีมุมมองด้านบวกมากกว่าชาติสมาชิกเอเปครายอื่น จากการที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้นำธุรกิจในประเทศนี้ “เชื่อมั่นอย่างมาก” ว่า รายได้จะพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี เทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 34%
ผู้นำธุรกิจ 4 ใน 5 คนของเวียดนาม ยังบอกว่า พวกเขามีแผนที่จะเพิ่มงบประมาณในการพัฒนาระบบอัตโนมัติ และทักษะแรงงาน ขณะ 80% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เชื่อมั่นอย่างมากว่า ความก้าวหน้าทางทางด้านเทคโนโลยี เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
นอกจากนี้ 44% ของผู้นำธุรกิจต่างชาติ ที่ทำธุรกิจในเวียดนามอยู่แล้วนั้น ยังระบุว่า พวกเขามีแผนที่จะลงทุนเพิ่มในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เทียบกับ 62% ของผู้นำธุรกิจในเวียดนามที่คาดว่าจะลงทุนเพิ่มในช่วงเวลาดังกล่าว สูงกว่าประเทศเอเปคอื่นๆ อย่าง จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์
ดิ่น ธิ กุ่ย วัน ผู้อำนวยการใหญ่พีดับเบิลยูซี เวียดนาม แสดงความเห็นว่า ท่ามกลางแรงกดดันที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการแข่งขันด้านกิจกรรมข้ามแดนที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น เวียดนามยังคงรักษาแรงขับเคลื่อนเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเอาไว้ได้ ทั้งเศรษฐกิจท้องถิ่นก็ยังสามารถดึงดูดการลงทุนทั้งจากต่างประเทศ และในท้องถิ่น ได้มากขึ้น
ขณะที่ บ็อบ มอริตซ์ ประธานกรรมการบริหารพีดับเบิลยู แสดงความเห็นว่า บรรดาบริษัทต่างตระหนักดี ถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการไม่มีนโยบายที่เชื่อมต่อกัน หรือมีนโยบายที่ไร้ประสิทธิภาพ ในด้านต่าง ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว ที่จะมีต่อแผนการลงทุนของพวกเขา และต่อความไว้วางใจที่ผู้บริโภคมีให้กับบริษัทด้วย
ผลสำรวจยังพบว่า 23% ของแกนนำธุรกิจเวียดนาม มีปัญหาในการว่าจ้างแรงงานที่มีทักษะเหมาะสมเพื่อรองรับระบบอัตโนมัติ โดยมีเพียง 5% เท่านั้น ที่บอกว่า สามารถจ้างงานที่เกี่ยวกับระบบอัตโนมัติได้มากขึ้น
