รัฐมนตรีการค้าแคนาดา พบผู้บริหารระดับสูงจาก เจนเนอรัล มอเตอร์ส โค (จีเอ็ม) และเฟียต ไครสเลอร์ ออโตโมบิลส์ ในดีทรอยต์ ในความพยายามที่จะล็อบบี้ “บิ๊กทรี” 3 ค่ายรถยนต์รายใหญ่สุดของสหรัฐ ให้ช่วยคัดค้านความเป็นไปได้ที่รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเก็บภาษีทุ่มตลาดรถยนต์นำเข้า
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานอ้างแหล่งข่าววงในการเจรจาครั้งนี้ว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายฟรังซัวส์ ฟิลิปเป แชมเพน รัฐมนตรีการค้าแคนาดา ยังเดินทางไปยังโรงงานของฟอร์ด มอเตอร์ โค ในเมืองวินด์เซอร์ ของแคนาดา ส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะล็อบบี้ดังกล่าว
แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลแคนาดากำลังหาความช่วยเหลือจากบรรดาพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ โดยอุตสาหกรรมรถยนต์ ถือเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่สุดของแคนาดา มีการจ้างงานโดยตรง และทางอ้อมมากถึง 500,000 ตำแหน่ง และสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นปีละ 60,100 ล้านดอลลาร์
“แทนที่จะตระเวนไปทั่วสหรัฐ เพื่อพูดคุยกับทุกคน รัฐบาลแคนาดาเลือกที่จะพุ่งเป้าตรงไปที่ผู้ผลิตรถยนต์ และซัพพลายเออร์ของอุตสาหกรรมนี้” แหล่งข่าว กล่าว พร้อมเสริมว่า สารจากรัฐบาลแคนาดาในขณะนี้คือ ถึงเวลาแล้วที่ค่ายรถยนต์เหล่านี้ จะต้องก้าวออกมา ใช้อิทธิพลที่มีอยู่เคลื่อนไหวในเรื่องนี้ เพื่อรักษาระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเอาไว้
แหล่งข่าวอีกรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ระหว่างการหารือกับบรรดาผู้บริหารค่ายรถยนต์อเมริกันนั้น นายแชมเพน ได้ย้ำถึงความสำคัญของกการเดินหน้าเจรจา เพื่อปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา) และส่งเสริมความสามารถทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกาเหนือ
แม้จะมีความเป็นไปได้ว่า หากประธานาธิบดีทรัมป์ เดินหน้าบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีทุ่มตลาดต่อรถยนต์นำเข้าจริง แคนาดาก็อาจพิจารณาถึงการใช้มาตรการภาษีตอบโต้สหรัฐเช่นกัน อาทิ การเก็บภาษีต่อรถยนต์สหรัฐ และสินค้าอื่นๆ แต่แหล่งข่าวยืนยันว่า แคนาดาอยากที่จะไม่ให้มีการเก็บภาษีจากฝั่งสหรัฐมากกว่าที่จะตอบโต้ จนทำให้เกิดสงครามการค้าขึ้นมา
