‘จีน’ สั่งปรับ ‘เอเวอร์แกรนด์’ เกือบ 2.1 หมื่นล้านบาท เหตุบริษัทลูกแจ้งรายได้เกินจริง

โดย The Bangkok Insight Editorial Team 19 มีนาคม 2567

กลต.จีน กล่าวหาบริษัทลูก “ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป” แจ้งรายได้เกินจริงเกือบ 2.9 ล้านล้านบาท พร้อมสั่งปรับเกือบ 21,000 ล้านบาท และสั่งแบน “ซู่ เจียหยิน” ผู้ก่อตั้งบริษัท ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ตลอดชีวิต

เฮงต้า เรียล เอสเตท บริษัทในเครือไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีน ที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อตลาดว่า คณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์จีน (กลต.จีน) ได้มีคำสั่งปรับไชน่า เอเวอร์แกรนด์ เป็นเงินจำนวน 4,200 ล้านหยวน หรือราว 20,900 ล้านบาท ในข้อกล่าวหาว่า เฮงต้าแจ้งรายได้เกินจริงถึง 564,100 ล้านหยวน หรือประมาณ 2.88 ล้านล้านบาท ในช่วงปี 2562 และ 2563

เฮงต้า อ้างว่า รายได้ที่สูงเกินจริงดังกล่าว เกิดจากความพยายามที่จะขายหุ้นกู้มูลค่าราว 20,800 ล้านหยวน ในช่วงปี 2563 และ 2564 การกระทำที่เจ้าหน้าที่คุมกฎระเบียบระบุว่า เป็นการฉ้อโกงทางการเงิน โดยรายได้เกินจริงนี้ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของกำไรบริษัทในปี 2562 และมากกว่า 86% ในปี 2563

พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่คุมกฎระเบียบจีน ยังสั่งห้ามผู้ก่อตั้งไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป คือ นายซู่ เจียหยิน หรือที่รู้จักในชื่อนายฮุย คาหยัน ด้วยนั้น เข้ายุ่งเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ตลอดชีวิต โดยระบุว่า การกระทำของเขา ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจปลอมแปลงตัวเลขการเงินนั้น เป็นความผิดร้ายแรงอย่างมาก และได้ตัดสินลงโทษนายเซียะ ไห่จุน อดีตซีอีโอไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป แบบเดียวกันด้วย

พร้อมกันนี้ ยังสั่งปรับนายซู่จำนวน 47 ล้านหยวน และนายเซียะจำนวน 15 ล้านหยวน

ขั้นตอนจากนี้ไป คาดว่าทางการจะเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สิน และกำหนดการปรับโครงสร้างบริษัท จากนั้นจึงอาจจะยึดทรัพย์สินแล้วนำออกขายไปชดใช้หนี้สินต่อไป

ทั้งนี้ นายซู่ วัย 65 ปี เคยครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของจีน เขาถูกตำรวจควบคุมตัวไว้ตั้งแต่ปลายปี 2566 ในฐานะผู้ต้องสงสัยก่ออาชญากรรม การลงดาบกับเอเวอร์แกรนด์ครั้งนี้ ตอกย้ำว่า บริษัทนี้เป็นต้นตอสำคัญของวิกฤติในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ที่ต้องประสบปัญหาหนี้สินกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 10.8 ล้านล้านบาท