‘กว่างซี’ ใช้ประโยชน์ ‘ฟรีวีซ่า’ เพิ่มกระแส ‘เที่ยวจีน เที่ยวไทย’

โดย The Bangkok Insight Editorial Team 9 กุมภาพันธ์ 2567

ในช่วงเวลาที่จีน และไทย กำลังจะก้าวเข้าสู่ “ยุคฟรีวีซ่า” ในวันที่ 1 มีนาคมนี้ ผู้คนแวดวงอุตสาหกรรมมองว่า นโยบายฟรีวีซ่าจะเพิ่มความสะดวกสบายแก่ประชาชนของ 2 ประเทศในการเจรจาหารือทางธุรกิจ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว รวมถึงเร่งรัดฟื้นฟูการท่องเที่ยวข้ามพรมแดนระหว่างจีน และกลุ่มประเทศอาเซียน

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ซึ่งเป็นภูมิภาคระดับมณฑลแห่งเดียวของจีน ที่เชื่อมต่อกับกลุ่มประเทศอาเซียนทั้งทางบกและทางทะเล มีความใกล้ชิดกับไทยในทางภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี และมิตรภาพดั้งเดิม โดยทั้ง 2 ฝ่ายถือเป็นแหล่งนักท่องเที่ยว และจุดหมายท่องเที่ยวของกันและกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

หวัง เซิน พนักงานของเอเจนซีการท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง แสดงความเห็นว่า นโยบายฟรีวีซ่าซึ่งกันและกัน ไม่เพียงลดทอนขั้นตอนยุ่งยากในการเดินทางของนักท่องเที่ยวจาก 2 ประเทศ แต่ยังเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้คนแวดวงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และอัดฉีดพลังความคึกคักสู่ตลาดการท่องเที่ยว

เขาบอกว่า ในปี 2566 เมื่อไทยดำเนินนโยบายฟรีวีซ่าแก่พลเมืองจีนเป็นการชั่วคราว สามารถดึงดูดชาวจีนเดินทางเที่ยวไทยเป็นจำนวนมาก ส่วนข่าวนโยบายฟรีวีซ่าซึ่งกันและกัน ที่มาในช่วงหยุดเทศกาลตรุษจีนพอดี ทำให้ไทยกลายเป็นที่สนใจในหมู่นักท่องเที่ยวยิ่งขึ้น ทั้งยังดึงดูดให้ชาวไทยมาเที่ยวจีน จนตอนนี้มัคคุเทศก์ภาษาไทยเป็นที่ต้องการอย่างมาก

ปัจจุบัน บรรดาเอเจนซีการท่องเที่ยวภายในจีน พากันใช้เส้นทางท่องเที่ยวดั้งเดิมเป็นรากฐานต่อยอดในการสร้างสรรค์ และพัฒนา “ของใหม่” ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น

ตัวอย่างเช่น กว่างซีอาศัยสถาปัตยกรรมเมืองสมัยใหม่ในเมืองหนานหนิง และหลิ่วโจว มาสร้างผลิตภัณฑ์ “เที่ยวเมือง” ที่มีแกนหลักเป็นตึกสูงระฟ้า แหล่งชอปปิงตามสถานีรถไฟใต้ดิน และแสงสียามราตรี หรืออาศัยอัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น มาสร้างแบรนด์การท่องเที่ยว ที่มีแกนหลักเป็นการเต้นระบำพื้นบ้าน และมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อย

ขณะเดียวกัน จีนยังเป็นหนึ่งในจุดหมายท่องเที่ยวน้ำแข็ง และหิมะ ที่ตั้งอยู่ใกล้ไทยมากที่สุด ทำให้ภูมิภาคอย่างกว่างซี และอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจากอาเซียน รวมถึงไทย ที่อยากสัมผัสอากาศเย็นฉ่ำจับใจตั้งแต่เข้าสู่ฤดูหนาวที่ผ่านมา

วันนี้ กว่างซีกำลังเดินหน้าใช้ประโยชน์จากนโยบายฟรีวีซ่าซึ่งกันและกัน เพื่อส่งเสริมการเติบโตของการท่องเที่ยวทั้งในกว่างซี และไทย พร้อมยกระดับความน่าดึงดูดใจทางการท่องเที่ยว และบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้อง

โจว โป๋ ผู้อำนวยการและนักวิจัยประจำสถาบันอาเซียน สังกัดสถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์แห่งหนานหนิง แสดงความเห็นว่า นโยบายฟรีวีซ่าซึ่งกันและกันระหว่างจีน และไทย เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ซึ่งกว่างซีควรใช้ข้อได้เปรียบจากนโยบายนี้ และริเริ่มมาตรการเกื้อหนุนการเดินทางขาเข้า เพื่อพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากอาเซียนและไทย