COLUMNISTS

จับตา!! ฟรีวีซ่าไทย-จีน กับ โอกาสของตลาดสมุนไพรไทย

Avatar photo
พิษณุ แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ.โรงงานเภสัช อุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย)

จับตา!! ฟรีวีซ่าไทย-จีน กับโอกาสของตลาดสมุนไพรไทย

เมื่อช่วงเปิดต้นปีมานี้ไทยเราได้มีลุ้นข่าวดี คือ การที่นายกรัฐมนตรีได้ออกมาพูดถึงการอยู่ระหว่างการเจรจาให้คนไทยได้ฟรีวีซ่าถาวรในการเดินทางเข้าจีน แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันถึงความคุ้มค่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไทยต้องแลกด้วยการฟรีวีซ่าถาวรให้ชาวจีนเดินทางมายังไทยเช่นกัน ซึ่งก็มีหลายเสียงที่กังวลถึงการไหลทะลักของกลุ่มจีนเทาที่อาจจะเข้ามาประกอบกิจการผิดกฎหมายที่ไทย ซึ่งเรื่องนี้ในมุมมองของผมนั้นมองว่ามันเป็นคนละประเด็นกัน เนื่องจากกลุ่มมิจฉาชีพนั้นต่อให้ไม่มีเรื่องฟรีวีซ่าทุกวันนี้ก็สามารถเข้ามาสร้างปัญหาให้ไทยอยู่ไม่น้อย

ฟรีวีซ่า

ดังนั้น ประเด็นจึงอยู่ที่การรับมือที่เหมาะสมมากกว่าการกลัวจนทำให้ปิดกั้นชาวจีนอีกส่วนใหญ่ที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจ ศึกษาต่อ และท่องเที่ยว

ในช่วงปี 2566 นั้นเราจะเห็นข่าวการยกเลิกเที่ยวบินของจีนที่จะมายังไทยกว่า 8 พันเที่ยว ข่าวนี้ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในไทยลดลงอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดีเมื่อคืนเคาต์ดาวน์ก็มีตัวเลขออกมาใหม่ว่า อันดับหนึ่งยังเป็นนักท่องเที่ยวจีนที่นิยมมาพักผ่อนช่วงวันหยุดในไทย เรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวจีนนั้น ไม่เพียงแต่กระตุ้นรายได้ด้านการท่องเที่ยวโดยตรงเท่านั้น แต่ในอุตสาหกรรมสมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก

เรื่องนี้ท่องเที่ยวกับสมุนไพรนี้แยกกันไม่ออก หากใครเคยไปเที่ยวในแถบจีน เกาหลี ก็จะคุ้นเคยเป็นอย่างนี้ ในกิจกรรมที่คณะทัวร์พาพวกเราไปนั่งฟังในห้องบรรยายสรรพคุณของสมุนไพรราวกับยาวิเศษของแต่ท้องถิ่น ท่านผู้อ่านเชื่อมั้ยครับว่า ทัวร์ที่พาชาวจีนมาเที่ยวไทยนั้นก็มีอะไรแบบนั้นเหมือนกัน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้สร้างรายได้ให้กับกลุ่ม SMEs ด้านสมุนไพร และเกษตรกรไทยผู้ปลูกสมุนไพร เป็นอย่างมาก

ฟรีวีซ่า

อย่างไรก็ดีครับ สมุนไพรของไทยเรานั้น ปัจจุบันถูกพัฒนาไปอย่างมาก เช่น น้ำมันงาดำ น้ำมันมะพร้าว ที่บรรจุอยู่ในซอฟท์เจล ภายใต้บรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว ขวดพลาสติก หรือถุงซิป ที่ทันสมัย สามารถนำไปเป็นของฝากได้อย่างน่าประทับใจ และยังมีสรรพคุณที่ดีไม่แพ้สินค้าจากประเทศอื่น แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า ปัจจุบันสมุนไพรไทยมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ประมาณเกือบ 5 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ประมาณ 80% ถูกใช้ในประเทศ มีเพียง 20% เท่านั้นที่ส่งออกไปต่างประเทศ โดยส่งออกไปยังจีนเป็นอันดับ 1 และถ้าปีไหนมีวิกฤตเช่นการระบาดของโควิด 19 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางมายังประเทศไทยได้ จะส่งผลต่อยอดขายสินค้าสมุนไพรค่อนข้างมาก นั่นหมายถึงรายได้และความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยที่จะตกต่ำลงเช่นกันครับ

การเปิดฟรีวีซ่าให้จีนนั้นหากมองในแง่ดี ก็จะเป็นการช่วยขยายตลาดสมุนไพรไทยให้เติบโตได้อีกหลายเท่าตัวครับ และอาจจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรสามารถเพิ่มกำลังการผลิต และยกระดับความเป็นอยู่ จนสามารถก้าวข้ามกับดักความยากจนได้สำเร็จ อย่างไรก็ดีผมเป็นอีกคนหนึ่งครับที่สนับสนุนนโยบายฟรีวีซ่านี้ แต่ก็มีเรื่องอยากจะฝากเป็นแง่คิดให้กับผู้ที่อยู่ และกำลังจะกระโดดเข้ามาสู่ตลาดสมุนไพรเพราะเห็นโอกาสที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็คือ อยากให้เป็นผู้ประกอบการที่คงไว้ซึ่งมาตรฐานการผลิต

ฟรีวีซ่า

โดยเฉพาะการขั้นตอนการผลิตที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ไม่เสี่ยงต่อสารปนเปื้อน เพราะการที่นักท่องเที่ยวหิ้วกระปุกสมุนไพรไปฝากคนที่เขารักนั้น มันหมายถึงชื่อเสียงของประเทศไทยที่ถูกส่งออกไปด้วยครับ ปัจจุบันคือโรงงานมาตรฐาน GMP หลายแห่งที่มีนโยบายสนับสนุนสินค้าเกษตร ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำไม่สูงอย่างที่คิด เพื่อช่วยให้เกษตรกรเข้าถึงกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน เช่นโรงงาน JSP ของเราก็มีนโยบายสนับสนุนอยู่ครับ

ส่วนใครที่ยังไม่มีไอเดียอะไรในการคว้าจังหวะและโอกาสที่กำลังจะเปิดออกมานี้ ผมแนะนำให้ลองพิจารณาสินค้าเกษตรที่มีปริมาณมาก ๆ ในท้องถิ่นของท่านดู ว่ามีสรรพคุณอะไรที่น่าสนใจ และนำไปขอความร่วมมือกับแลปเอกชน หรือแลปของมหาวิทยาลัย เพื่อหาใบรับรองที่มีมาตรฐาน เพราะหากผลิตภัณฑ์ของท่าน มีองค์ประกอบ คือ มีวัตถุดิบธรรมชาติ มีกรรมวิธีที่ปลอดภัย มีบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกต่อการเก็บรักษา และถ้าผ่านการวิจัยจากห้องทดลอง ก็จะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้แบรนด์ SMEs เติบโตได้อย่างดีในตลาดต่างประเทศครับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่