ชาวบ้านในเมืองกรินดาวิก ของไอซ์แลนด์ พากันหวาดกลัวว่า พวกเขาอาจจะไม่สามารถกลับบ้านได้อีกแล้ว หลังจากลาวาภูเขาไฟทำลายบ้านเรือนหลายหลัง ทำให้น้ำ และไฟฟ้าเสียหาย
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เมืองกรินดาวิก ต้องเผชิญกับพลังธรรมชาติที่ไม่หยุดยั้ง และเป็นข้อพิสูจน์อีกครั้งว่า ทำไมไอซ์แลนด์จึงถูกเรียกว่า “ดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง”
ภูเขาไฟฟากราดาลส์ฟยาลล์ ปะทุเป็นครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึง 1 เดือน ช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ทางการมีคำสั่งให้ประชาชนอพยพออกจากเมืองประมง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กจำนวนหนึ่งที่บ่งชี้ว่ามีการปะทุเกิดขึ้นใกล้ ๆ
เดวิด อิงกี บุสชัน วัย 31 ปี สถาปนิกที่มีครอบครัวอาศัยอยู่ในเมืองนี้มาสามรุ่นแล้ว กล่าวว่า รอยแยกล่าสุดทำให้ชาวเมืองกรินดาวิกจำนวน 3,800 คน ต้องย้ายออกจากที่อยู่อาศัย และทำให้บางคนตั้งคำถามว่า เมืองนี้จะกลับมาน่าอยู่อาศัยอีกครั้งหรือไม่
“เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ มันทำให้เกิดคำถามในชีวิตของผู้คน บ้านเรือนบางหลังถูกไฟไหม้ ท่อน้ำ และไฟฟ้าได้รับความเสียหาย ทำให้ไม่มีเครื่องทำความร้อน และอากาศก็หนาวมาก”
แม้ว่าในเวลาต่อมา ภูเขาไฟฟากราดาลส์ฟยาลล์ จะดูเหมือนสงบลง แต่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของไอซ์แลนด์ ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงสูง และอาจมีรอยแยกใหม่ ๆ เกิดขึ้นในเมือง โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
การปะทุครั้งนี้ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 5 ที่โจมตีคาบสมุทรเรคยาเนสนับตั้งแต่ปี 2564 ส่งผลให้ชาวเมืองกรินดาวิกตกอยู่ในภาวะไม่แน่นอนครั้งใหม่ โดยภูเขาไฟเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ใกล้กับตัวเมืองเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมปีที่แล้ว หลังจากเกิดแผ่นดินไหวหลายสัปดาห์ แต่ชาวเมืองกรินดาวิกได้อพยพออกไปก่อนหน้านั้น เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน และในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีผู้คนมากกว่า 100 คนเดินทางกลับมาแล้ว และต้องอพยพออกไปอีกครั้ง
บุสชัน เล่าว่า ครอบครัวของพวกเขาส่วนใหญ่ย้ายกลับไปที่กรินดาวิค และอยู่ที่นั่นตอนที่ภูเขาไฟเกิดปะทุครั้งล่าสุด พวกเขาถูกปลุกด้วยเสียงไซเรน และต้องหลบหนี ผู้คนมีปฏิกิริยาแตกต่างออกไป คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า จะส่งผลกระทบต่อเมืองหรือไม่ รู้แต่ว่าต้องเก็บของ และออกไป
“จากสิ่งที่เราได้รับแจ้ง ดูเหมือนว่าจะไม่มีการทำลายล้างโดยตรงภายในเมืองอีกต่อไป แต่ปัญหาคือไม่มีน้ำ หรือเครื่องทำความร้อน”
สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองกรินดาวิก ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเรคยาวิก เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 40 กิโลเมตรนั้น การปะทุครั้งล่าสุดถือเป็นความล้มเหลว
“เราทุกคนกำลังจะย้ายกลับ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการบรรลุเป้าหมายนั้น ผมเป็นสถาปนิก และบริษัทของผมกำลังจะสร้างโครงการใจกลางเมืองใหม่ แต่วันนี้ กลายเป็นเรื่องยากแล้ว ที่จะรู้ว่าเมืองนี้จะกลับมาน่าอยู่อีกครั้งหรือไม่”
บุสชัน บอกด้วยว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในไอซ์แลนด์ค่อนข้างโชคดีในด้านเศรษฐกิจ และชีวิตค่อนข้างมั่นคง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคำถามสำคัญในชีวิตของพวกเขา หลายคนต้องจำนองทรัพย์สิน ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว เป็นทรัพย์สินที่ไม่มีค่าในขณะนี้
ทั้งนี้ ไอซ์แลนด์ตั้งอยู่เหนือจุดร้อนของภูเขาไฟ ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ และจะเกิดการปะทุโดยเฉลี่ยหนึ่งครั้ง ทุก ๆ 4-5 ปี โดยครั้งที่รุนแรงที่สุดเมื่อเร็ว ๆ นี้ คือ การระเบิดของภูเขาไฟ เอยาฟยาตลาเยอคุตล์ ในปี 2563 ซึ่งพ่นเมฆเถ้าขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ และทำให้การเดินทางทางอากาศหยุดชะงักเป็นเวลาหลายเดือน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ภูเขาไฟ 3 ชาติ ‘ไอซ์แลนด์-ญี่ปุ่น-อินโดนีเซีย’ พร้อมใจปะทุวันนี้ เตือนผู้คนระวังด้วย!
- ‘เม็กซิโก’ จ่ออพยพคนนับล้าน หลังภูเขาไฟสุดอันตราย ‘โปโปคาเตเปเตล’ ปะทุไม่หยุด
- ‘ภูเขาไฟเมราปี’ ปะทุหนัก พ่นเถ้าถ่านยักษ์ในอินโดนีเซีย
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg