รายงาน “สภาทองคำโลก” ชี้ ความต้องการทองคำปี 2567 มีแนวโน้มสดใส แรงหนุนจากความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ในหลายพื้นที่ และบรรดาธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ พากันเข้าซื้อมากขึ้น
สภาทองคำโลก (ดับเบิลยูจีซี) เปิดเผยรายงาน “แนวโน้มทองคำ ปี 2567” (Gold Outlook 2024) ที่ระบุว่า ความต้องการทองในตลาดโลก มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในปี 2567 เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศ จะเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะเดินหน้าซื้อทองคำเข้าสู่ระบบทุนสำรอง ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำ
รายงานระบุว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจในหลายประเทศอาจจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง แต่ก็ยังมีความเป็นไปว่าเศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะถดถอย ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเลือกถือครองทองเพื่อลดความเสี่ยง
สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศ หรือดินแดน ที่กำลังจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า ซึ่งรวมถึงสหรัฐ สหภาพยุโรป (อียู) อินเดีย และไต้หวัน จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองเพื่อลดความเสี่ยงเช่นกัน
เช่นเดียวกับในปี 2566 ที่ความต้องการทองทั่วโลกพุ่งขึ้น หลังจากการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ในสหรัฐ และสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส โดยประมาณการเบื้องต้นว่า สถานการณ์เหล่านี้ทำให้ราคาทองในตลาดโลกปี 2566 เพิ่มขึ้นประมาณ 3%- 6%
ดับเบิลยูจีซี บอกด้วยว่า ธนาคารกลางทั่วโลกได้เข้าซื้อทองเพิ่มในระบบทุนสำรองในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และเข้าซื้อต่อเนื่องในปี 2566 โดยคาดว่าธนาคารกลางจะเดินหน้าซื้อทองคำต่อไปในปี 2567 ซึ่งผลสำรวจล่าสุดของทางองค์กร พบว่า ธนาคารกลางทั่วโลกจะซื้อทองเข้าสู่ระบบทุนสำรองอีก 24% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 2,100 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ราคาทองจะยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการขึ้นดอกเบี้ย และจะเริ่มวงจรลดดอกเบี้ยในปีหน้า ทั้งความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง จะเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทอง ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายรายมีความเห็นในทางเดียวกันว่า การอ่อนค่าของดอลลาร์ ความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในปีหน้า และความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ซึ่งรวมถึงการทำสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส จะทำให้ราคาทองพุ่งแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ในปี 2567 และคาดว่า ราคาทองจะยังคงเคลื่อนไหวเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กระแสแรง! คนหนุ่มสาวจีนแห่ซื้อ ‘ทองคำ’ เมินลงทุนแบบดั้งเดิม
- ‘แบงก์ชาติโลก’ แห่ซื้อทองสูงสุดในรอบปี รับ ‘สงครามอิสราเอล-ฮามาส’ รุนแรง
- ‘ทองคำสำรอง’ รัสเซีย พุ่ง 2.3 พันตัน มากสุดเป็นประวัติการณ์ รั้งอันดับ 5 โลก