สภาทองคำโลก ระบุ ไตรมาส 3 ของปีนี้ ธนาคารกลางทั่วโลก เข้าซื้อทองคำสูงสุดในรอบปี ด้วยปริมาณสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีถึง 8% คาดราคาทองคำมีโอกาสยืนเหนือ 2,000 ดอลลาร์ หากสงครามรุนแรงขยายตัวเป็นวงกว้าง และ “ธนาคารกลางสหรัฐ” เริ่มชะลอขึ้นดอกเบี้ย
การซื้อสุทธิทองคำของธนาคารกลางต่างๆ ในไตรมาสนี้ นับว่าแข็งแกร่งที่สุดโดยทะยานไปอยู่ที่ 337 ตัน แม้ว่าจะยังไม่ทำลายสถิติของไตรมาสที่ 3 ปี 2565 แต่ความต้องการตั้งแต่ต้นปี ถึงปัจจุบันสูงถึง 800 ตัน คาดว่าธนาคารกลางแห่ซื้อทองคำต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี
สาเหตุที่ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำมากขึ้น เป็นผลมาจากความผันผวน และไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก โดยเฉพาะสงครามในตะวันออกกลาง ทำให้ธนาคารกลางสะสมทองคำมากขึ้น
นายเชาไก ฟ่าน หัวหน้าฝ่ายเอเชีย-แปซิฟิก ไม่รวมจีน และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลกของสภาทองคำโลก ระบุว่า แนวโน้มราคาทองคำในอนาคต จะขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อราคาทองคำ
เขาบอกว่า การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยของเฟด และท่าทีของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า อาจมีการยุติการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
แต่ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในช่วงนี้ คือ สงครามในตะวันออกกลาง ซึ่งผลักดันให้ราคาทองคำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา
สำหรับความต้องการทองคำในประเทศไทย พบว่า ในไตรมาสที่ 3/2566 ดีมานด์ในไทย เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 7% มาอยู่ที่ระดับ 13 ตัน จาก 12 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ความต้องการซื้อส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มทองคำแท่ง และเหรียญทอง ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% มาอยู่ที่ระดับ 10.5 ตัน จาก 9.6 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยที่หนุนแรงซื้อดังกล่าว มาจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง และความไม่แน่นอนทางการเมือง
ทางด้านความต้องการทองรูปพรรณ ลดลงเล็กน้อยที่ 2% มาอยู่ที่ระดับ 2.5 ตัน จาก 2.54 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากความผันผวนของราคา และการชะลอตัวของความต้องการซื้อของที่มีมูลค่าสูง เพราะผู้บริโภครัดเข็มขัดในการใช้จ่ายมากขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ทองคำสำรอง’ รัสเซีย พุ่ง 2.3 พันตัน มากสุดเป็นประวัติการณ์ รั้งอันดับ 5 โลก
- ‘ตุรกี’ ยังครองแชมป์ ซื้อทองคำรายใหญ่สุดของโลก เดือนม.ค.
- YLG สั่งจับตา! ทองคำขาขึ้นรอบใหญ่ หลังเฟดเริ่มพักการขึ้นดอกเบี้ย