ธนาคารกลางอินโดนีเซีย ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 ปี ในความพยายามที่จะสกัดการอ่อนค่าลงของเงินรูเปียะห์ ในช่วงเวลาที่ดอกเบี้ยสหรัฐกำลังเพิ่มสูงขึ้น
ธนาคารกลางอินโดนีเซีย ตัดสินใจที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารระยะเวลา 7 วัน อีก 0.25% มาอยู่ที่ 4.50% ถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 เป็นต้นมา
การเคลื่อนไหวข้างต้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เงินรูเปียะห์ อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปีนี้ รูเปียะห์อ่อนค่าไปแล้วราว 4% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2558 จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)เพิ่มความเข้มงวดในนโยบายการเงิน
ปัจจัยอื่นที่กดดันขาลงของเงินรูเปียะห์ รวมถึง การที่นักลงทุนต่างชาติพากันเทขายหุ้น และตราสารหนี้อินโดนีเซีย ซึ่งข้อมูลจากโซซิเอเต เจเนอราล แสดงให้เห็นว่า ในปีนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไปแล้ว 2,700 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายสุทธิพันธบัตรรัฐบาลอินโดนีเซียแตะ 1,100 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนที่แล้ว
ที่ผ่านมา ธนาคารกลางอินโดนีเซีย จะใช้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ เข้าช่วยหนุนค่าเงิน แต่การที่มูลค่าทุนสำรองหายไปแล้ว 5.3% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 132,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนมกราคม มาอยู่ที่ 124,900 ล้านดอลลาร์ ในเดือนเมษายน ทำให้ธนาคารกลางตัดสินใจเลือกใช้วิธีการขึ้นดอกเบี้ยแทน
การเคลื่อนไหวนี้ ยังเป็นไปตามที่เหล่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางอินโดนีเซียแถลงว่า การอ่อนค่าของเงินรูเปียะห์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจในปัจจุบันของอินโดนีเซีย และว่า ธนาคารกลางยังมีพื้นที่ว่างอันเหมาะสม ที่จะปรับอัตราดอกเบี้ย
ขณะนักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้ปรับดอกเบี้ยครั้งล่าสุดนี้ จะทำให้การเติบโตของอินโดนีเซียตกอยู่ในความเสี่ยง แต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำ เพราะอินโดนีเซีย มีความเสี่ยงเงินเฟ้อในระดับสูง โดยเฉพาะจากการนำเข้าน้ำมัน
ข้อมูลจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับชั้นนำ แสดงให้เห็นว่า เชื้อเพลิง ไฟฟ้า และประปา คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 5% ในดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ท้องถิ่น
แม้ในปัจจุบัน เงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่ยังควบคุมได้ โดยเมื่อเดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 3.4% .ใกล้กับค่ากลางของอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางตั้งเป้าไว้ระหว่าง 2.5-4.5% แต่ถ้าเงินรูเปียะห์ยังอ่อนค่าลงไปอีก ก็จะเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมากขึ้น ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเสถียรภาพราคา
นอกจากนี้ การที่ประเทศกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง โอกาสที่เงินเฟ้อจะสูงขึ้น จนทำให้ค่าครองชีพในประเทศปรับสูงขึ้นด้วยนั้น ยังเป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่อยากเสี่ยงให้เกิดขึ้น
การประชุมเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายอินโดนีเซียครั้งล่าสุดนี้ ยังเป็นการสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียกำหนด 5 ปีของนายอากัส มาร์โตวาร์โดโจ ซึ่งในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ นายเพอร์รี วาร์จิโย รองผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย จะเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียคนใหม่
อินโดนีเซียยังถือเป็นประเทศล่าสุดในอาเซียนที่ปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ เพิ่งประกาศขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืน 0.25% มาอยู่ที่ 3.25% จากอัตราเงินเฟ้อที่ทะยานสูงขึ้น และเงินเปโซอ่อนค่าลง
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางมาเลเซียก็เพิ่งขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีครึ่ง มาอยู่ที่ 3.25% จากเดิมที่ 3%
