นักวิเคราะห์คาด ตลาดหุ้นจีน อาจจะเผชิญกับแรงกดดันเป็นเวลานาน เนื่องจากวิกฤตการณ์ที่ยืดเยื้อในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แทบไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นได้
นางแคโรไลน์ ยู เมาเรอร์ หัวหน้าฝ่ายตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง ของ เอชเอสบีซี แอสเซต แมเนจเมนต์ และนางเวนดี หลิว หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตลาดหุ้นจีน ของเจพีมอร์แกน ซิเคียวริตีส์ เอเชีย แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มที่จะปรับตัวผันผวนต่อไป และจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ จนถึงปี 2567
เนื่องจากตลาดขาดแรงกระตุ้น และนักลงทุนระยะยาวไม่เร่งรีบที่จะกลับเข้าซื้อหุ้น เพราะยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับความตั้งใจของรัฐบาลจีน ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต
“ในภาพรวมนั้น เศรษฐกิจจีนมีความเสี่ยงมากขึ้น ที่จะเผชิญภาวะขาลง ขณะที่มูลค่าของตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง และหากบริษัทจดทะเบียนไม่สามารถทำผลประกอบการที่แข็งแกร่งในวัฏจักรนี้ ตลาดหุ้นจีนก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก” นางเมาเรอร์กล่าว
ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่า มอร์นิง โพสต์ รายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง และดัชนี CSI 300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ของจีน ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นจีนหายไปเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์
“นี่เป็นภาวะตลาดหมีที่นักลงทุนไม่ต้องการเข้ามาซื้อขาย เราคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้น เมื่อพิจารณาจากวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในภาคธนาคาร และความเชื่อมั่นที่ถดถอยลงของภาคเอกชน” นางหลิว ระบุ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘จีน’ จ่อทดลองนโยบาย ‘ฟรีวีซ่า’ กับ 6 ประเทศ ไม่มี ‘ไทย’ ติดโผ
- ‘จีน’ ไฟเขียวออกพันธบัตร 1 ล้านล้านหยวน กระตุ้นเศรษฐกิจ
- จีน อาการหนัก! เศรษฐกิจตกอยู่ใน ‘ภาวะเงินฝืด’ หลังการฟื้นตัวสะดุด
