“เควิน แมคคาร์ธี” ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดนขับพ้นตำแหน่ง นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อเมริกัน ที่มีการถอดถอนประธานสภาล่างออกจากตำแหน่ง และยังเป็นวาระการดำรงตำแหน่งที่สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายเควิน แมคคาร์ธี พ้นจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เมื่อวานนี้ (3 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น หลังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งรวมถึงสมาชิกพรรครีพับลิกัน สายอนุรักษ์นิยม ลงมติให้เขาพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว
การโหวตดังกล่าว ส่งผลให้นายแมคคาร์ธีกลายเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ที่มีวาระการดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ 147 ปีของสหรัฐ และนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ ที่มีการถอดถอนประธานสภาล่าง ออกจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากได้ลงมติไม่ไว้วางใจนายแมคคาร์ธี ด้วยคะแนนเสียง 216 ต่อ 210 เสียง ส่งผลให้การดำรงตำแหน่งของเขาสิ้นสุดลง หลังจากทำหน้าที่เพียง 269 วัน
ผู้ที่โหวตสนับสนุนประกอบไปด้วยสมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวน 8 คน และสมาชิกพรรคเดโมแครตจำนวน 208 คน ซึ่งการโหวตให้นายแมคคาร์ธีพ้นจากตำแหน่ง มีขึ้นเพียง 3 วัน หลังจากที่เขาผลักดันให้สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ ต้องถูกปิดการดำเนินงาน หรือชัตดาวน์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (30 ก.ย.)
แต่ร่างงบประมาณดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงเงินช่วยเหลือครั้งใหม่ ที่สหรัฐจะมอบให้กับยูเครน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ส.ส. บางส่วนไม่เห็นด้วยกับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือยูเครน
ที่ผ่านมานั้น สมาชิกพรรครีพับลิกันมองว่า การให้ความช่วยเหลือยูเครน ทำให้รัฐบาลสหรัฐมีการใช้จ่ายมากเกินไป และทำให้สหรัฐพลาดเป้าหมายการให้ความสำคัญกับนโยบายอื่น ๆ ที่กำหนดไว้
นายแมตต์ เกตซ์ ส.ส. พรรครีพับลิกัน หนึ่งในพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำเสนอญัตติไม่ไว้วางใจนายแมคคาร์ธี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (2 ต.ค.) หลังตัวเขา และสมาชิกพรรครีพับลิกัน สายอนุรักษ์นิยมรายอื่น ๆ ออกมาระบุว่า สูญเสียความเชื่อมั่นในตัวนายแมคคาร์ธี ภายหลังจากที่เขาผลักดันการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวดังกล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เควิน แมคคาร์ธี’ ได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐแล้ว หลังโหวต 15 รอบ
- สำเร็จแล้ว! ‘ไบเดน-แมคคาร์ธี’ บรรลุข้อตกลง ‘เพิ่มเพดานหนี้’
- ‘สหรัฐ’ จ่อส่ง อาวุธต้องห้าม ‘คลัสเตอร์บอมบ์’ ให้ยูเครนสู้รัสเซีย
