World News

ทำความรู้จัก ‘ฮุน มาเนต’ นายกฯ ใหม่ คนแรกในรอบเกือบ 40 ปี ของกัมพูชา

การประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ “ฮุน เซน” หลังครองอำนาจปกครองกัมพูชา มานานเกือบ 40 ปี พร้อมให้ “ฮุน มาเนต” บุตรชายของเขาขึ้นมาแทนที่ ทำให้ นายกรฐมนตรีคนใหม่ วัย 45 ปี ของกัมพูชารายนี้  กลายเป็นที่สนใจถึงบทบาท และเส้นทางการเมืองที่ผ่านมา

ฮุน มาเนต บุตรชายคนโตของฮุน เซน ได้รับการศึกษาแบบตะวันตก และเมื่อไม่นานมานี้ ได้ขึ้นเป็นนายพลระดับ 4 ดาว จึงเรียกได้ว่า เขาถูกปลุกปั้นเพื่อให้รับช่วงต่อทางการเมืองมานานหลายปีแล้ว

ฮุน มาเนต

บีบีซี รายงานว่า ฮุน มาเนต ขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการหาเสียงเลือกตั้งให้พรรครัฐบาล ก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยผู้สังเกตการณ์ และนักวิเคราะห์จับตามองพัฒนาการของเขามาอย่างต่อเนื่องว่า จะมารับช่วงต่อบิดาที่ปกครองกัมพูชามานานถึง 38 ปี

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฮุน เซน และรัฐบาลพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ได้กำจัดศัตรูทางการเมืองหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจศาล สั่งยุบพรรคกู้ชาติกัมพูชา (ซีเอ็นพีอาร์) ในปี 2560 พร้อมจับกุมแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ทำให้หลายคนต้องลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง ปิดสื่ออิสระ และมีรายงานเกี่ยวกับการคุกคามองค์กรสิทธิมนุษยชน สหภาพการค้า และองค์กรพัฒนาเอกชน อีกด้วย

นักวิเคราะห์มองว่า การควบคุมผู้เห็นต่างทางการเมืองดังที่กล่าวมา เป็นการเตรียมการของฮุน เซน เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านอำนาจเป็นไปด้วยความราบรื่น ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนถ่ายอำนาจครั้งแรกในรอบ 4 ทศวรรษ

ฮุน มาเนต

ทายาทคนโต ผู้ได้รับการศึกษาจากโลกตะวันตก 

ฮุน มาเนต เป็นบุตรชายคนโตจากจำนวนบุตร 5 คนของ ฮุน เซน โดยเกิดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2520  ซึ่ง ฮุน เซน เคยกล่าวถึงการเกิดของลูกชายคนนี้ในเชิงอุปมาอุปไมยว่า กำเนิดจากจิตวิญญาณของต้นไทร ท่ามกลางแสงสว่างที่สาดส่อง

เขาเติบโตในกรุงพนมเปญ และเข้าร่วมกับกองทัพกัมพูชาในปี 2538 หลังจากนั้นเข้ารับการศึกษาระดับสูงส่วนใหญ่ในสหรัฐ และสหราชอาณาจักร โดยนายกรัฐมนตรีคนใหม่นี้ ยังเป็นชาวกัมพูชาคนแรกที่เรียนจบจากโรงเรียนทหารเวสต์พอยต์ ซึ่งเป็นโรงเรียนทหารชั้นสูงของสหรัฐอเมริกาในปี 2542

นอกจากร่ำเรียนในสายทหารแล้ว ฮุน มาเนต ยังมีดีกรีปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เมื่อปี 2545 และปริญญาเอกในด้านเศรษฐศาสตร์เช่นกัน จากมหาวิทยาลัยบริสตอล ในสหราชอาณาจักร ในปี 2551

ด้านชีวิตการสมรส ฮุน มาเนต แต่งงานกับ พิช ชานโมนี บุตรสาวของนักการเมืองคนสำคัญในกัมพูชา และมีบุตรด้วยกัน 3 คน

ฮุน มาเนต

การเติบโตในกองทัพและเส้นทางการเมือง

ฮุน มาเนต ครองตำแหน่งระดับสูงหลายตำแหน่งในกองทัพกัมพูชา ไม่ว่าจะตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองกำลังอารักขานายกรัฐมนตรีฮุน เซน บิดาของเขา ผู้บัญชาการหน่วยต่อต้านก่อการร้าย ผู้บัญชาการกองทัพ และรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดกัมพูชา

ในเส้นทางสายการเมือง เขาคือ ผู้นำปีกคนรุ่นใหม่ภายในพรรคประชาชนกัมพูชา และเป็นคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาด้วย

อย่างไรก็ดี แม้จะถูกวางตัวเป็นทายาททางการเมือง แต่ ฮุน มาเนต ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนน้อยครั้ง ทำให้แทบไม่ทราบเลยว่า วิสัยทัศน์ทางการเมืองของเขาที่มีต่อประเทศกัมพูชา และประชาชน 16 ล้านคนนั้นเป็นอย่างไร ทั้งยังมักจะหลีกเลี่ยงการกล่าวสุนทรพจน์ยาว ๆ ในช่วงการรณรงค์หาเสียง มีเพียงการส่งรอยยิ้ม และโบกมือทักทายประชาชนเท่านั้น

ส่วนมุมมองทางเศรษฐกิจ แอนโธนี กัลลิอาโน ประธานหอการค้าอเมริกันในกัมพูชา ซึ่งเพิ่งจัดงานต้อนรับฮุน มาเนต ในฐานะแขกของหอการค้าอเมริกัน เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกัมพูลา มีความสนใจว่า สหรัฐ และกัมพูชา จะมีการลงทุนร่วมกันมากขึ้นในกัมพูชาได้อย่างไร รวมทั้งการพัฒนาแบรนด์ และภาพลักษณ์ของประเทศต่อนักลงทุนนานาชาติ

ฮุน มาเนต

เปิดทางให้คนรุ่นใหม่

ในการประกาศเตรียมลงจากอำนาจที่ฮุน เซน แถลงทางโทรทัศน์แห่งชาติ เขาประกาศว่า “ผมต้องเสียสละ และปล่อยมือจากอำนาจ”

“ผมได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี และประกาศว่า ผมจะไม่ดำรงตำแหน่งนายกฯ อีกต่อไป” ฮุน เซน แถลงทางโทรทัศน์แห่งชาติกัมพูชา พร้อมระบุว่า ฮุน มาเนต บุตรชาย จะเข้ารับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 10 ส.ค. นี้ และเข้าปฏิญาณตนเป็นนายกฯ ในวันที่ 22 ส.ค.

ในการแถลงครั้งเดียวกันนี้ ฮุน เซน ระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่จะหลีกทางให้ผู้นำรุ่นใหม่

“เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่กัมพูชาจะต้องมีคณะรัฐมนตรีที่ประกอบด้วยคนรุ่นใหม่เป็นหลัก… พวกเขาต้องรับผิดชอบต่ออนาคต” ฮุน เซน กล่าว และบอกว่า ความสงบสุขและการพัฒนาในระยะยาวจะถูกสานต่อโดยบุตรชายของเขา

อย่างไรก็ตาม ฮุน เซน จะยังคงไม่เกษียณตัวเองออกจากการเมือง เขาระบุว่า จะยังคงเป็นหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชาต่อไป รวมทั้งเป็นสมาชิกสภาแห่งชาติ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาเคยกล่าวว่า อาจจะกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งก็ได้ หากบุตรชายทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ

ฮุน มาเนต

จะแตกต่างหรือเดินตามรอยเท้าพ่อ

เหล่าประเทศมหาอำนาจต่างจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า การขึ้นมาปกครองกัมพูชาขอ งฮุน มาเนต จะยังคงไว้ซึ่งระบอบอำนาจนิยมของผู้พ่อเอาไว้ หรือเปลี่ยนผ่านสู่การปกครองประเทศที่เสรี และเป็นประชาธิปไตยแบบตะวันตกมากขึ้นหรือไม่

พนมเปญโพสต์ สื่อในกัมพูชา เคยถามฮุน เซนว่า บุตรชายของเขาจะปกครองกัมพูชาในแนวทางที่ต่างออกไปหรือไม่

การตอบคำถามของฮุน เซน เริ่มด้วยการหัวเราะ ก่อนตอบกลับว่า “(แตกต่าง) ในทางไหน อะไรที่ต่างออกไปจากนี้ หมายถึงการทำลายความสงบสุข และบ่อนทำลายความสำเร็จของคนรุ่นก่อน”

ขณะที่ นายกษิต ภิรมย์ อดีตนักการทูต และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ในฐานะสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน เคยกล่าวถึงฮุน มาเนต ว่า “เขาเคยสัมผัสกับประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และอื่น ๆ แต่เขาเติบโตมาภายใต้ระบอบเผด็จการ”

“ครอบครัว (ฮุน เซน) คุมทั้งประเทศ ถ้าเขาปกครองในแบบที่เสรีมากขึ้นในสมัยของเขา นั่นคือจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดยุคที่ครอบครัวนี้ มีอิทธิพลต่อการเมืองกัมพูชา แล้วเขาจะทำลายตัวเองทำไม”

ภาพ: เฟซบุ๊กเพจ Hun ManetSamdech Hun Sen, Cambodian Prime Minister 

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo