World News

ราคาน้ำมัน WTI พุ่งเกือบถึง 82 ดอลลาร์ อานิสงส์เศรษฐกิจแข็งแกร่ง การจัดหาตึงตัว

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ทะยานขึ้นเกือบแตะ 82 ดอลลาร์ แรงหนุนจากสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะการจัดหาตึงตัวในตลาดโลก รวมทั้งเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และยูโรโซน ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน

น้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนกันยายน ราคาเพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 81.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนตุลาคม ราคาเพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 85.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยทั้ง 2 ชนิด ปิดในระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2565

ราคาน้ำมัน

ตลอดเดือนกรกฎาคม น้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้น 15.8% และเบรนท์พุ่งขึ้น 14.2% ขานรับการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะการจัดหารน้ำมันตึงตัว จากการประเมินว่า  ซาอุดีอาระเบียจะขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นเดือนกันยายน จากเดิมที่กำหนดไว้ในสิ้นเดือนสิงหาคม

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า การผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียลดลง 860,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม ส่วนการผลิตน้ำมันโดยรวมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ลดลง 840,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม

ตลาดน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐและยูโรโซน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2/2566 ว่า ขยายตัว 2.4% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.0% และสูงกว่าตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 1 ซึ่งขยายตัว 2.0%

ส่วนเศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 2/2566 เมื่อเทียบรายไตรมาส สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ (1 ส.ค.) ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบในวันพุธ (2 ส.ค.)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo