ประชาชนนับแสนคนในเมืองซิตตเว เมืองท่า และเมืองหลัก ของรัฐยะไข่ของเมียนมา ถูกตัดขาดจากการติดต่อในวันนี้หลังจากที่พายุไซโคลน “โมคา” พัดถล่มทางตะวันตกของเมียนมา และบังกลาเทศ ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดต่อกัน
ไซโคลน “โมคา” พัดขึ้นฝั่งที่เมืองค็อกซ์บาซา ในบังกาเทศและเมืองชิตตเว ขณะที่มีกำลังลม 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือเป็นพายุลูกใหญ่ที่สุด ที่พัดเข้าอ่าวเบงกอลในรอบกว่า 1 ทศวรรษ เมื่อวานนี้ (14 พ.ค.)
ล่าสุด พายุผ่านพ้นพื้นที่เป็นส่วนใหญ่แล้ว หลังพัดผ่านค่ายผู้ลี้ภัยที่มีชาวโรฮิงญา อาศัยอยู่เกือบ 1 ล้านคน โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต แต่จนถึงวันนี้ (15 พ.ค.) การติดต่อสื่อสารไปยังเมืองชิตตเว ซึ่งมีประชากรอยู่ประมาณ 150,000 ยังคงไม่สามารถดำเนินการได้
ถนนที่เป้นเส้นทางไปยังเมืองชิตตเว ถูกต้นไม้ล้มขวางกันมากมาย เสาไฟฟ้าและสายไฟฟ้าเสียหาย ยานพาหนะที่เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย และชาวบ้านที่พยายามเดินทางไปยังเมืองชิตตเว ต้องต่อคิวกันเป็นแถวยาว
สื่อของทางการเมียนมากล่าวว่า พายุทำให้สถานีฐานที่ใช้เชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ กับเครือข่ายใช้งานไม่ได้ในรัฐยะไข่ และว่า พล.อ.อาวุโสมิน อ่องหล่าย สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมสิ่งของบรรเทาทุกข์ เพื่อขนส่งทางอากาศไปให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า สิ่งของบรรเทาทุกข์จะส่งไปถึงเมื่อใด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เตือนฉบับ 10 พายุไซโคลน ‘โมคา’ ไทยตอนบนยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง
- อัปเดตพายุไซโคลน ‘โมคา’ เข้าฝั่งเมียนมา บ่ายวันนี้ กระทบเหนือ-อีสาน
- เตือนฉบับ 8 พายุไซโคลน ‘โมคา’ ภาคเหนือ-อีสาน ฝนตกหนักต่อเนื่อง