World News

‘อนามัยโลก’ รณรงค์กำจัด ‘ไขมันทรานส์’ ในอาหารภายในปี 66

“องค์การอนามัยโลก” เรียกร้องให้ยกเลิกการใช้สิ่งที่เรียกว่า “ไขมันทรานส์” ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลกภายในปี 2566 

องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า รูปแบบของไขมันที่ถูกสร้างขึ้นมา เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรปีละกว่าครึ่งล้านคน โดยผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันทรานส์นั้น มักพบในขนมอบ และน้ำมันปรุงอาหาร

วีโอเอ รายงานว่า การออกมาเรียกร้องดังกล่าว มีขึ้นหลังเมื่อปี 2563 WHO ระบุว่า ประเทศต่าง ๆ มากกว่า 58 ประเทศ ได้ออกกฎหมายเพื่อปกป้องผู้คนจากไขมันทรานส์ แต่ประเทศอื่น ๆ กว่า 100 ประเทศ ก็ควรกำจัดไขมันดังกล่าวออกจากผลิตภัณฑ์อาหารของตนด้วย

ไขมันทรานส์

รายงานของ WHO บอกด้วยว่า 2 ใน 3 ของการเสียชีวิตที่เกิดจากการใช้ไขมันทรานส์เกิดขึ้นใน 15 ประเทศ โดยแคนาดา ลัตเวีย สโลเวเนีย และสหรัฐ ซึ่งอยู่ในกลุ่มประเทศเหล่านี้ ได้กำหนดข้อจำกัด หรือห้ามใช้ไขมันทรานส์ แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ในเรื่องนี้ เช่น อาเซอร์ไบจาน บังกลาเทศ ภูฏาน เนปาล ปากีสถาน อินเดีย อิหร่าน และเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในแถบเอเชีย รวมทั้ง เอกวาดอร์ เม็กซิโก และอียิปต์

นายทอม ฟรายเดน หัวหน้าองค์กรด้านสาธารณสุข Resolve to Save Lives ซึ่งทำงานร่วมกับ WHO เพื่อกำจัดไขมันทรานส์ออกจากอาหารในชาติต่าง ๆ กล่าวว่า การกำจัดไขมันทรานส์ออกจากอาหารให้หมดสิ้น อาจช่วยป้องกันการเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้มากถึง 17 ล้านคนภายในปี 2583

ขณะที่ สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ที่ให้การสนับสนุนในเรื่องสุขภาพของหัวใจ และการวิจัย กล่าวว่า ไขมันทรานส์มีอยู่ 2 ประเภทที่แตกต่างกัน ประเภทแรกคือ “ไขมันทรานส์ตามธรรมชาติ” ก่อตัวขึ้นในลำไส้ของสัตว์บางชนิด และมีอาหารมากมายที่ผลิตขึ้นจากสัตว์เหล่านี้ เช่น นม และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ต่าง ๆ

ประเภทที่สองคือ “ไขมันทรานส์เทียม” หรือที่เรียกว่า กรดไขมันทรานส์ ถูกสร้างขึ้นผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมที่เติมไฮโดรเจนลงในน้ำมันพืช บริษัทผู้ผลิตอาหารจะใช้น้ำมันที่มีต้นทุนต่ำชนิดนี้เพื่อให้อาหารคงความสดได้นานขึ้น

ไขมันทรานส์นั้นสามารถพบได้ในอาหารต่าง ๆ เช่น โดนัท เค้ก คุกกี้ และอาหารทอดกรอบ ทั้งขนมอบที่วางอยู่บนชั้นขายหลายเดือน แต่ยังคงความนุ่มชุ่มชื้นมักจะมีไขมันทรานส์อยู่ เนื่องจากน้ำมันยังคงแข็งตัวที่อุณหภูมิห้อง

ไขมันทรานส์

นายฟรายเดน จาก Resolve to Save Lives บอกด้วยว่า สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างไขมันทรานส์เทียม และไขมันอิ่มตัว เขาเรียกไขมันทรานส์ว่าเป็น “สารพิษ” ซึ่งควรกำจัดออกจากแหล่งอาหารให้หมดสิ้นไป แตกต่างจากไขมันอิ่มตัวที่พบได้ทั่วไปในอาหารหลาย ๆ ประเภท และไม่มีใครเสนอข้อห้ามใด ๆ ในไขมันชนิดนี้

เมื่อปี 2561 WHO ได้ให้คำแนะนำทีละขั้นตอน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลก กำจัดกรดไขมันทรานส์ออกจากแหล่งอาหาร คู่มือดังกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ แทนที่ไขมันทรานส์ด้วยน้ำมัน อย่างเช่น น้ำมันมะกอก สร้างความตระหนักรู้ต่อสาธารณชนถึงอันตรายของไขมันทรานส์ และบังคับใช้นโยบายและกฎหมายในการต่อต้านการใช้ไขมันทรานส์อีกด้วย โดย WHO กล่าวว่า กฎหมายใหม่ได้ปกป้องชีวิตผู้คนมากกว่า 3,200 ล้านคนจากสารดังกล่าว

ประเทศที่ดำเนินนโยบายเกี่ยวกับไขมันทรานส์ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่ร่ำรวย แต่ประเทศที่มีรายได้น้อย และรายได้ต่ำจนถึงปานกลางหลายประเทศ เช่น บังกลาเทศ อินเดีย ฟิลิปปินส์ และยูเครน ก็ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับกรดไขมันทรานส์ของ WHO ด้วย

อย่างไรก็ตาม นายฟรายเดน ตั้งข้อสังเกตว่า ประชากร 5,000 ล้านคนยังคงเสี่ยงต่ออันตรายต่าง ๆ ที่เกิดจากการใช้ไขมันทรานส์ เขากล่าวว่า รัฐบาลประเทศต่าง ๆ สามารถยับยั้งการเสียชีวิต ที่สามารถป้องกันนี้ได้ ด้วยการบังคับใช้นโยบายซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดขององค์การอนามัยโลก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo