พบผู้รอดชีวิต จากเหตุแผ่นดินไหวตุรกี เพิ่มอีก 9 คน หลังติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังมานานกว่า 1 สัปดาห์ ขณะที่ความพยายามในการกู้ภัยเริ่มเปลี่ยนไปเป็นการช่วยเหลือผู้คนที่กำลังเผชิญความยากลำบาก เนื่องจากไม่มีที่พักอาศัย หรืออาหารที่เพียงพอ ท่ามกลางความโหดร้ายของสภาพอากาศที่หนาวจัด
ภัยพิบัติครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมในตุรกี และซีเรียรวมกันสูงกว่า 41,000 ราย ได้สร้างความเสียหายรุนแรงให้กับเมืองต่าง ๆ ของทั้ง 2 ประเทศ และทำให้ผู้รอดชีวิตจำนวนมากต้องไร้ที่อยู่อาศัย ท่ามกลางอุณหภูมิที่เย็นจัดในฤดูหนาว
ประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี ได้รับทราบถึงปัญหาในการรับมือเบื้องต้นต่อเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 แมกนิจูดที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และระบุว่า ขณะนี้สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว
นายเออร์โดกัน แถลงว่า ตุรกีกำลังเผชิญกับ 1 ในภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุด ไม่เพียงแต่ในประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติอีกด้วย
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า ช่วงเวลาของการกู้ภัยใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว และเตรียมมุ่งเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือด้านที่พักพิง อาหาร และสถานศึกษาแก่ผู้ประสบภัย
นพ.ฮันส์ คลูจ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรปขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ความต้องการการช่วยเหลือนั้นมากมายมหาศาล และยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ประชาชนราว 26 ล้านคน จากทั้ง 2 ประเทศ ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ความสะอาดและสุขอนามัย ตลอดจนการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประชาชนกลุ่มเปราะบาง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ยูเอ็น’ ยินดี ‘ซีเรีย’ ยอมเปิดพรมแดนเพิ่ม ชี้ต้องเร่งช่วยเหยื่อแผ่นดินไหว
- ‘ยูเอ็น’ ยอมรับ ล้มเหลวช่วยเหลือซีเรีย ยอดตายแผ่นดินไหวตุรกีทะลุ 33,000 คน
- ยอดตาย ‘แผ่นดินไหว ตุรกี’ ทะลุ 1.5 หมื่นราย ‘เออร์โดกัน’ ยอมรับ รัฐบาลรับมือไม่ดี