World News

จับตา!! สำคัญอย่างไร ‘อินเดีย’ จ่อแซง ‘จีน’ ประชากรมากสุดในโลก

บรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ช่วงกลางเดือนเมษายนที่จะถึงนี้  อินเดียจะมีจำนวนประชากรแซงหน้าจีน กลายเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก

ชาติยักษ์ใหญ่ในทวีปเอเชียทั้ง 2 ชาติ มีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคน และตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา ประชากรจีน และอินเดียคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของประชากรทั้งโลก

อย่างไรก็ดี ในปี 2565 จีนมีจำนวนประชากรหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 60 ปี ทั้งเมื่อปี 2564 จีนมีจำนวนประชากรเกิดใหม่ 10.6 ล้านคน มากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เป็นเพราะอัตราเจริญพันธุ์ที่ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว

ขณะที่อัตราเจริญพันธุ์ของอินเดียก็ลดลงอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา จากเดิมในปี 2493 ผู้หญิง 1 คนให้กำเนิดลูก 5.7 คน ลดลงมาอยู่ที่ 2 คนในปัจจุบัน แต่อัตราการลดลงได้ช้าลง

การที่อินเดียมีจำนวนประชากรแซงหน้าจีนกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก มีความหมายอย่างไร

อินเดีย

จีนมีจำนวนประชากรลดลงเร็วกว่าอินเดีย

บีบีซี รายงานว่า จีนลดอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรลงได้ราวครึ่งหนึ่งจาก 2% ในปี 2516 ลงมาอยู่ที่ 1.1% ในปี 2526 ซึ่งนักประชากรศาสตร์ระบุว่า การทำเรื่องนี้ได้เป็นเพราะจีนไม่คำนึงถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนจากการรณรงค์ 2 เรื่อง ที่ส่งเสริมให้มีลูกเพียงคนเดีย วและแต่งงานช้าลง มีลูกทิ้งช่วงกันนานขึ้น และมีลูกน้อยลง ในชนบทที่มีคนยากจนและไร้การศึกษาจำนวนมาก

อินเดียมีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างรวดเร็วเกือบ 2% ต่อปี ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่แล้ว เมื่อเวลาผ่านไป อัตราการตายลดต่ำลง อายุคาดเฉลี่ยเพิ่มขึ้น และรายได้สูงขึ้น คนจำนวนมากโดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในเมืองต่าง ๆ เข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดและระบบระบายน้ำทิ้งที่ทันสมัยมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ สำนักเศรษฐกิจและกิจการสังคมแห่งสหประชาชาติ คาดการณ์ว่า อินเดียจะขึ้นเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดของโลกในปี 2566 แซงหน้าจีน

ข้อมูลประเทศที่มีจำนวนประชากรมากสุด 20 อันดับแรกของโลก จากเว็บไซต์ worldometers แสดงให้เห็นว่า แม้ล่าสุดจีนยังมาเป็นอันดับที่ 1 แต่ตัวเลขไม่ทิ้งห่างจากอินเดียนัก ขณะที่อัตราการเติบโตของอินเดียมีมากกว่าจีน 0.66% อินเดียจึงมีโอกาสขึ้นเป็นอันดับหนึ่งตามที่ได้คาดการณ์ไว้

อินเดีย

อินเดีย

ด้านประเทศในอาเซียนที่อยู่ใน 20 อันดับนี้ ได้แก่ อินโดนีเซีย ในอันดับที่ 4 ของโลก รองจากสหรัฐ ขณะที่ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม อยู่ในอันดับที่ 13 และ 15 ตามลำดับ

อินเดีย

ส่วนประเทศไทย มีขนาดของประชากรประมาณ 0.88% ของโลก อยู่ในอันดับที่ 20 มีจำนวนอยู่ประมาณ 70,246,899 คน โดยในระดับอาเซียนนั้น อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุด ตามด้วยฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย ในขณะที่ประเทศที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุดในอาเซียน ได้เเก่ ลาว สิงคโปร์ และบรูไน

อินเดีย

อินเดียล้มเหลววางแผนคุมประชากร 

อินเดียได้เริ่มโครงการวางแผนครอบครัวในปี 2495 และออกนโยบายประชากรแห่งชาติเป็นครั้งแรกในปี 2519 เท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงที่จีนกำลังพยายามลดอัตราการเกิดลง

แต่การบังคับคนยากจนหลายล้านคนให้ทำหมัน ในโครงการวางแผนครอบครัวในช่วงที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินในอินเดียในปี  2518 ซึ่งมีการระงับสิทธิเสรีภาพของพลเมืองหลายอย่าง ได้นำไปสู่การต่อต้านการวางแผนครอบครัว

ทิม ไดสัน นักประชากรศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน ระบุว่า แนวโน้มการลดลงของการเจริญพันธุ์ในอินเดีย อาจจะเร็วกว่านี้ ถ้าไม่มีการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉิน และถ้านักการเมืองทำงานเชิงรุกมากกว่านี้ นอกจากนี้ยังส่งผลให้รัฐบาลในเวลาต่อ ๆ มา ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อต้องทำเรื่องวางแผนครอบครัว

ประเทศและดินแดนในเอเชียตะวันออกหลายแห่ง อย่าง เกาหลีใต้ มาเลเซีย ไต้หวัน และไทย ซึ่งได้ออกโครงการเกี่ยวกับประชากรช้ากว่าอินเดียมาก ประสบความสำเร็จในการลดระดับการเจริญพันธุ์ลง ลดอัตราการตายของแม่และทารก เพิ่มรายได้ และทำให้การพัฒนามนุษย์ดีขึ้นได้เร็วกว่าอินเดีย

อินเดีย

ยังไม่เคยเผชิญกับการระเบิดทางประชากร

อินเดียมีประชากรเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 พันล้านคนนับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 1947 และคาดว่า ประชากรของอินเดียจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปอีก 40 ปี แต่อัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรค่อย ๆ ลดลงมานานหลายสิบปีแล้ว และอินเดียก็พยายามที่จะเลี่ยงการเผชิญกับ “ภัยพิบัติทางประชากรศาสตร์” ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น

ดังนั้นบรรดานักประชากรศาสตร์จึงบอกว่า การที่อินเดียมีประชากรมากกว่าจีน จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป

การเพิ่มขึ้นของรายได้ การเข้าถึงการศึกษาและสาธารณสุขมากขึ้น ได้ช่วยให้ผู้หญิงอินเดียมีลูกน้อยลงกว่าเมื่อก่อน อัตราเจริญพันธุ์ได้ลดต่ำลงกว่าระดับทดแทน ซึ่งอยู่ที่ การให้กำเนิดทารก 2 คนต่อผู้หญิง 1 คน ใน 17 รัฐและดินแดนที่รัฐบาลกลางบริหารจากทั้งหมด 22 แห่ง (ระดับทดแทนคือระดับที่การเกิดใหม่เพียงพอในการรักษาจำนวนประชากรให้คงที่)

การลดลงของอัตราการเกิดในตอนใต้ของอินเดียเร็วกว่าทางตอนเหนือซึ่งมีประชากรมากกว่า “น่าเสียดายที่อินเดียส่วนมากไม่เหมือนกับทางใต้” ศาสตราจารย์ไดสัน กล่าว “การเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่ทางเหนือของอินเดียได้กดมาตรฐานความเป็นอยู่ให้ต่ำลง”

อินเดีย

มีประชากรแซงหน้าจีนอาจมีความสำคัญ

ยกตัวอย่าง อาจจะทำให้ข้อกล่าวอ้างของอินเดียในการเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีน้ำหนักมากขึ้น โดยสมาชิกถาวรมี 5 ชาติรวมถึงจีนด้วย โดยที่ผ่านมา อินเดีย ซึ่งเป็นสมาชิกก่อตั้งของสหประชาชาติ ยืนกรานมาโดยตลอดว่า การได้ที่นั่งถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติของอินเดียเป็นเรื่องยุติธรรม

ขณะที่ เคเอส เจมส์ จากสถาบันระหว่างประเทศด้านวิทยาศาสตร์ประชากร ที่ตั้งอยู่ในนครมุมไบ กล่าวว่า รูปแบบการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์ของอินเดียมีความสำคัญเช่นกัน

เจมส์ บอกว่า แม้ว่าจะมีข้อด้อยหลายอย่าง อินเดียสมควรได้รับการยกย่องในการจัดการ “การเปลี่ยนผ่านทางประชากรศาสตร์อย่างมีคุณภาพ” ด้วยการใช้การวางแผนครอบครัวในประเทศประชาธิปไตยที่มีทั้งคนยากจน และไร้การศึกษา เทียบกับประเทศส่วนใหญ่ ที่ทำเช่นนี้หลังจากที่พัฒนาการอ่านออกเขียนได้และมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนแล้ว

ข่าวดีมากกว่านั้นคือ 1 ใน 5 ของประชาชนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ในโลกนี้ มาจากอินเดีย และ 47% ของชาวอินเดียมีอายุต่ำกว่า 25 ปี ชาวอินเดีย 2 ใน 3 เกิดหลังจากอินเดียเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในช่วงต้นทศวรรษ 90

ศรุต ราชาโกพาลัน นักเศรษฐศาสตร์ระบุในรายงานชิ้นใหม่ว่า คนอินเดียรุ่นใหม่กลุ่มนี้มีลักษณะพิเศษบางอย่าง คนอินเดียรุ่นใหม่ยุคนี้จะเป็นแหล่งแรงงานและผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในเศรษฐกิจ และชาวอินเดียจะเป็นแหล่งรวมคนที่มีความสามารถระดับโลกมากที่สุด

อินเดีย

ความท้าทายหลายอย่างรออยู่

อินเดียต้องสร้างงานให้เพียงพอต่อประชากรวัยทำงานที่อายุยังน้อย แต่ข้อมูลของศูนย์เฝ้าระวังเศรษฐกิจอินเดีย (CMIE) ระบุว่า มีประชากรวัยทำงานของอินเดียเพียง 40% เท่านั้นที่ต้องการทำงานหรืออยากจะทำงาน

มีผู้หญิงต้องการทำงานเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าพวกเธอใช้เวลาในช่วงวัยทำงานในการให้กำเนิดลูกและดูแลลูกน้อยลง แต่ข้อมูลจาก CMIE พบว่า มีผู้หญิงวัยทำงานเพียง 10% เท่านั้นที่ได้อยู่ในตลาดแรงงานในเดือน ต.ค. ขณะที่ในจีนอยู่ที่ 69%

นอกจากนี้ก็มีการโยกย้ายถิ่นฐาน โดยมีชาวอินเดียราว 200 ล้านคนได้อพยพย้ายถิ่นภายในประเทศระหว่างรัฐ และเขตต่าง ๆ จำนวนผู้โยกย้ายถิ่นฐานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานที่เดินทางออกจากหมู่บ้านเข้าไปอยู่ในเมืองเพื่อหางานทำ

“เมืองของเราจะขยายตัว ขณะที่การโยกย้ายถิ่นฐานจะสูงขึ้น เพราะการขาดแคลนงานและค่าจ้างที่ต่ำในชนบท พวกเขาจะสามารถให้มาตรฐานความเป็นอยู่ที่สมเหตุสมผลแก่ผู้อพยพได้ไหม ไม่เช่นนั้น เราก็จะลงเอยด้วยการมีสลัมและโรคภัยเพิ่มมากขึ้น” เอส ไอรูดายา ราชัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการอพยพที่สถาบันโยกย้ายถิ่นฐานและการพัฒนาระหว่างประเทศในรัฐเกรละ กล่าว

เหล่านักประชากรศาสตร์กล่าวว่า อินเดียยังจำเป็นต้องยุติการแต่งงานในวัยเด็ก ป้องกันการแต่งงานเร็วและลงทะเบียนการเกิดและการตายอย่างเหมาะสม อัตราส่วนเพศเมื่อแรกเกิดที่บิดเบือน ซึ่งทำให้มีเด็กชายเกิดมากกว่าเด็กหญิง ยังเป็นเรื่องน่ากังวล

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo