World News

‘ราคาน้ำมัน WTI’ ปิดบวก 32 เซนต์ ขานรับ ‘จีดีพีจีน’ โตเกินคาด

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ วานนี้ (17 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปรับขึ้นเล็กน้อย หลังจีนเปิดเผยตัวเลขจีดีพี ขยายตัวสูงกว่าคาด  ท่ามกลางความหวังว่า การยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 80.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนมีนาคม ราคาเพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 85.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมัน

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน รายงานว่า ในปี 2565 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 3% ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2.8% ส่วนในไตรมาส 4 ปี 2565 นั้น จีดีพีขยายตัว 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.8%

บรูซ ผาง นักวิเคราะห์จากบริษัทโจนส์ แลง ลาซาลล์กล่าวว่า นอกเหนือจากจีดีพีแล้ว จีนยังเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่ดีเกินคาด ซึ่งเพิ่มความคาดหวังที่ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นในปี 2566

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังช่วยให้น้ำมันดิบ ซึ่งกำหนดราคาซื้อขายเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลง และน่าดึงดูดใจ สำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.1% แตะที่ระดับ 102.3770

อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระหว่างวัน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดิ่งลงสู่ระดับ -32.9 ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -7 จากระดับ -11.2 ในเดือนธันวาคม

ทั้งนี้ ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 0 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก อันเนื่องมาจากผลกระทบของอุปสงค์ที่ซบเซา ซึ่งส่งผลให้คำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานของภาคการผลิตในนิวยอร์กชะลอตัวลง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo