ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวันนี้ (25 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ทะยานกว่า 100 จุด แรงหนุนจากการเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณชะลอความแรงในการขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 34,347.03 จุด เพิ่มขึ้น 152.97 จุด หรือ +0.45% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,026.12 จุด ลดลง 1.14 จุด หรือ -0.03% และดัชนีแนสแด็กที่ 11,225.67 จุด ปิดที่ 11,226.36 จุด ลดลง 58.96 จุด หรือ -0.52%
วันนี้ ตลาดเปิดทำการเพียงครึ่งวัน หลังจากปิดทำการวานนี้ (24 พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า โดยรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 1-2 พฤศจิกายน ระบุว่า เฟดมองเห็นความคืบหน้าในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ และจะชะลออัตราการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ไปจนถึงปีหน้า
นักลงทุนคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคม หลังจากขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกัน 4 ครั้งก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ตลาดได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในวันนี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19
ธนาคารกลางจีนปรับลด RRR ในอัตรา 0.25% สำหรับสถาบันการเงินทุกแห่ง โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งการปรับลด RRR ดังกล่าวจะช่วยให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 500,000 ล้านหยวนในระยะยาว
นักลงทุนจับตายอดขายของห้างค้าปลีกในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ขณะที่สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐ (NRF) เปิดเผยว่า ชาวอเมริกันราว 166.3 ล้านคนมีแผนที่จะซื้อสินค้าตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้าไปจนถึงวันไซเบอร์มันเดย์ในปีนี้
ตลาดยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐในวันที่ 30 พฤศจิกายน รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 2 ธันวาคม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไอเอ็มเอฟ’ หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ปี 66 โตเพียง 2.7% ‘อาเซียน 5’ ขยายตัว 4.9% เตือนเศรษฐกิจถดถอย
- ‘ยูเอ็นดีพี’ เตือน ‘ประเทศกำลังพัฒนา’ กำลังเจอวิกฤติหนี้ ชี้ต้องเร่งหามาตรการช่วยเหลือทันที
- ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘ค่าเงินเอเชีย’ อ่อนค่าลงอีก หลัง ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง