ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (23 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ปรับขึ้นเกือบ 100 จุด หลังรายงานการประชุมเดือนพฤศจิกายนของธนาคารกลางสหรัฐ ระบุว่า มีแนวโน้มที่จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 34,194.06 จุด เพิ่มขึ้น 95.96 จุด หรือ +0.28% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,027.26 จุด เพิ่มขึ้น 23.68 จุด หรือ +0.59% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 11,285.32 จุด เพิ่มขึ้น 110.91 จุด หรือ +0.99%
นักลงทุนขานรับรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 1-2 พฤศจิกายน ซึ่งระบุว่า “แม้กรรมการเฟดตระหนักว่า ตัวเลขเงินเฟ้อยังไม่ได้ส่งสัญญาณลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เป็นเรื่องเหมาะสม ที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบของนโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจ”
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองด้วยนั้น ร่วงลงแตะระดับ 3.750% เมื่อคืนนี้ ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนในการชำระหนี้ของบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลง หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 17,000 ราย มาอยู่ที่ 240,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนนี้ และยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 7.5% ในเดือนตุลาคม สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง
ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันนี้ (24 พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะเปิดซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ (25 พ.ย.)
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไอเอ็มเอฟ’ หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ปี 66 โตเพียง 2.7% ‘อาเซียน 5’ ขยายตัว 4.9% เตือนเศรษฐกิจถดถอย
- ‘ยูเอ็นดีพี’ เตือน ‘ประเทศกำลังพัฒนา’ กำลังเจอวิกฤติหนี้ ชี้ต้องเร่งหามาตรการช่วยเหลือทันที
- ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘ค่าเงินเอเชีย’ อ่อนค่าลงอีก หลัง ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
