Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดร่วงเกือบ 100 จุด ยังกังวล ‘เฟด’ เร่งขึ้นดอกเบี้ย ฉุดเศรษฐกิจถดถอย

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (10 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” อยู่ในแดนลบ ส่วน “แนสแด็ก” แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ท่ามกลางความวิตกถึงเรื่อง “ธนาคารกลางสหรัฐ” เร่งขึ้นดอกเบี้ย ยังเกาะติดตลาดอยู่ และจากการที่รัฐบาลสหรัฐ ออกมาตรารควบคุมการส่งออกชิปไปยังจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ที่ 29,202.88 จุด ลดลง 93.91 จุด หรือ -0.32% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,612.39 จุด ลดลง 27.27 จุด หรือ -0.75% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 10,542.10 จุด ลดลง 110.30 จุด หรือ -1.04%

ดาวโจนส์

นักลงทุนยังคงกังวลว่า การที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งขึ้นดอกเบี้ย จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย โดยล่าสุดนายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐ และเศรษฐกิจโลก มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในกลางปีหน้า ผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ รวมถึง การพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และสงครามในยูเครนที่ยังยืดเยื้อ

ทางด้านนางคริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการผู้จัดการ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ยังคงใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน เพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็ตาม และหากเงินเฟ้อไม่ชะลอตัวลงตามเป้าหมาย ธนาคารกลางก็จะขึ้นดอกเบี้ยในระดับที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างหนัก ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปร่วงลงอย่างหนัก โดยดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) ร่วงลง 3.5% หลังคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิปไปยังจีน เพื่อจำกัดขีดความสามารถของจีน ในการเข้าถึงชิประดับไฮเอนด์ ซึ่งอาจถูกนำใช้ผลิตยุทโธปกรณ์ทางทหารที่ล้ำสมัย

มาตรการใหม่นี้พุ่งเป้าไปที่การส่งออกชิปคอมพิวเตอร์ขั้นสูง ที่มีจุดประสงค์เพื่อการใช้งานในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยรัฐบาลสหรัฐวิตกว่า จีนกำลังใช้ระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ล้ำสมัย เพื่อปรับปรุงการคำนวณต่าง ๆ ในการออกแบบอาวุธ การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ระบบไฮเปอร์โซนิก และระบบขีปนาวุธอื่น ๆ รวมถึงเพื่อวิเคราะห์ผลการสู้รบ

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนกันยายนของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ (13 ต.ค.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะปรับตัวขึ้น 8.1% ในเดือนที่แล้ว จากระดับ 8.3% ในเดือนสิงหาคม

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีซีพีไอพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 6.5% โดยสูงกว่าระดับ 6.3% ในเดือนก่อนหน้านั้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo