ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (10 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์”ลดลงกว่า 100 จุด ส่วน “แนสแด็ก” แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี หลังมาตรการคุมส่งออกไปยังจีน ของรัฐบาลสหรัฐ สร้างแรงกดดันต่อบรรดาผู้ผลิตชิป ทั้งนักลงทุนยังระมัดระวังตัว ในการเข้าลงทุน ก่อนเริ่มต้นฤดูรายงานผลประกอบการ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 29,151.59 จุด ร่วงลง 145.20 จุด หรือ 0.50% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,603.03 จุด ลดลง 36.63 จุด หรือ 1.01% และดัชนีแนสแด็กที่ 10,500.05 จุด ดิ่งลง 152.36 จุด หรือ 1.43%
วันนี้ ตลาดพันธบัตรปิดทำการ เนื่องในวันโคลัมบัส แต่ตลาดหุ้น ยังเปิดทำการตามปกติ แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากตลาดพันธบัตตรปิด ทำให้เทรดเดอร์หลายรายอยู่นอกตลาด
นักวิเคราะห์เตือนว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์ก อาจจะปรับตัวผันผวนในวันนี้ โดยมีสาเหตุจากปริมาณการซื้อขายในระดับต่ำ ทำให้ถูกผลักดันจากปัจจัยต่าง ๆ ในตลาดได้โดยง่าย ในช่วงเวลาที่ ตลาดยังคงถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งคาดการณ์การชะลอตัวของผลประกอบการในไตรมาส 3 และความวิตกเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ข้อมูลจาก Refinitiv data ระบุว่า บริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นเพียง 4.1% ในไตรมาส 3 โดยลดลงจากระดับ 11.1% ที่มีการคาดการณ์ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตารายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ เฟดมินนิท ประจำเดือนกันยายน ซึ่งกำหนดเปิดเผยวันที่ 12 ตุลาคมนี้ และการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ในวันที่ 13 ตุลาคม เพื่อหาสิ่งบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘แบงก์ชาติญี่ปุ่น’ ไม่ขึ้นดอกเบี้ย ชี้ เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัว เมิน ‘เงินเฟ้อ’ พุ่งสูง
- ‘พาวเวล’ ลั่นไม่ลดดอกเบี้ย จนกว่าคุมเงินเฟ้อได้ 2% หลัง ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด
- ‘ฟิลิปปินส์’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% รับมือ ‘เงินเฟ้อ’ พุ่ง คุกคามเศรษฐกิจโต