ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (7 ต.ค.) โดยที่ “ดาวโจนส์” ดิ่งลงกว่า 600 จุด หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนกันยายน ที่แข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนวิตกว่า “ธนาคารกลางสหรัฐ” จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง และจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 29,296.79 จุด ร่วงลง 630.15 จุด หรือ -2.11% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,639.66 จุด ร่วงลง 104.86 จุด หรือ -2.80% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 10,652.40 จุด ร่วงลง 420.91 จุด หรือ -3.80%
ตลาดตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน จากความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นถึง 92% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันในการประชุมวันที่ 1-2 พฤศจิกายนนี้ จากเดิมที่มีความเป็นไปได้อยู่ที่ 83.4% ก่อนการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงาน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 250,000 ตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าจำนวน 315,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% จากระดับ 3.7% ในเดือนสิงหาคม
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนีเอสแอนด์พี ลดลง โดยกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงมากที่สุด 4.14%
ส่วนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย ร่วงลง 6.06% หลังบริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (เอเอ็มดี) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับลดคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 3/2565 เนื่องจากความต้องการชิปชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และคาดว่ารายได้ของบริษัทในไตรมาส 3 จะต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ราว 1 พันล้านดอลลาร์ โดยหุ้นเอเอ็มดี ปิดร่วงลง 13.9%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘แบงก์ชาติญี่ปุ่น’ ไม่ขึ้นดอกเบี้ย ชี้ เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัว เมิน ‘เงินเฟ้อ’ พุ่งสูง
- ‘พาวเวล’ ลั่นไม่ลดดอกเบี้ย จนกว่าคุมเงินเฟ้อได้ 2% หลัง ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด
- ‘ฟิลิปปินส์’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% รับมือ ‘เงินเฟ้อ’ พุ่ง คุกคามเศรษฐกิจโต