Stock

นักวิเคราะห์ชู ‘หุ้น SCB ไปต่อ’! หลัง ทิ้ง Bitkub

นักวิเคราะห์ชู หุ้น SCB ไปต่อ! หลัง ทิ้ง Bitkub  สตาร์ทอัพสัญชาติไทย ที่ดำเนินธุรกิจกระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อนหน้านี้ SCB ประกาศเข้าลงทุน Bitkub สัดส่วน 51%  มูลค่า 17,850 ล้านบาท

เป็นประเด็นใหญ่ในวงการธุรกิจและตลาดทุนไทย เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (25 สิงหาคม 2565) บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น SCB แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ (SCBS) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ตัดสินใจยกเลิกการเข้าซื้อหุ้น บริษัท บิทคับ ออนไลน์ (Bitkub) สตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่ดำเนินธุรกิจกระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

ทิ้ง Bitkub

ทิ้ง Bitkub ไม่ไปต่อพอแค่นี้ 

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ทาง SCB ประกาศเข้าลงทุนใน Bitkub สัดส่วน 51% ด้วยมูลค่า 17,850 ล้านบาท ส่งผลให้ Bitkub กลายเป็นสตาร์ทระดับยูนิคอร์นทันที จากมูลค่าบริษัทที่มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 35,000 ล้านบาท และทำให้ธุรกิจได้รับความเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก จนสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ครองส่วนแบ่งการตลาดในไทยมากกว่า 90%

ทิ้ง Bitkub 

เช่นกันกับหุ้น SCB หลังประกาศดีลนี้ออกมาพร้อมกลยุทธ์ผลักดัน Digital Asset Ecosystem ก็ทำให้ราคาหุ้นทะยานขึ้นรวดเร็ว ซึ่งทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไปได้สวย เพราะตอนนั้นตลาดมองว่าเป็น WIN-WIN Situation คือ SCB ได้ธุรกิจทางการเงินรูปแบบใหม่เข้ามาเสริมทัพยานแม่ ส่วน Bitkub ก็ได้เพิ่มความแข็งแกร่งจากเงินทุนและฐานลูกค้าขนาดใหญ่

ทว่าท้ายที่สุดแล้วดีลนี้ ก็ไม่เกิดขึ้นจริง! โดยเมื่อเดินกรกฎาคม 2565 SCB แจ้งชะลอการซื้อ Bitkub อย่างไม่มีกำหนด เพื่อตรวจสอบธุรกิจ (Due Diligence) จากนั้นอีก 2 เดือนถัดมาจึงประกาศยกเลิกอย่างเป็นทางการ ซึ่ง SCB ให้เหตุผลว่าไม่ได้มีปัญหาทางธุรกิจอะไรที่มีนัยสำคัญ แต่ที่ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะ Bitkub ยังมีปัญหาของการดำเนินงานบางส่วนที่ค้างคากับ ก.ล.ต. และไม่มีข้อสรุปว่าจะใช้ระยะเวลานานเพียงใด จึงต้องเลือกที่จะยกเลิกการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้

ทิ้ง Bitkub 

ด้าน ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bitkub เผยถึงการยกเลิกธุรกรรมดังกว่าวว่า “เป็นการตกลงร่วมกันของผู้บริหารทั้งสองฝ่าย ที่ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน อย่างรอบด้าน และเห็นตรงกันว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ครับ”

ทิ้ง Bitkub ปลดล็อคความกังวลของนักลงทุน

นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าวต่อหุ้น SCB หลังจาก Bitkub มีความไม่ชัดเจนในแง่ของการดำเนินงานบางส่วน และกระแสความนิยมในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของนักลงทุนไทยลดลงไปมาก จึงเป็นการปลดล็อกความกังวลใจของนักลงทุน

ทั้งนี้ พบว่าจำนวนบัญชีนักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ Active ปรับลดลงจาก 6.5 แสนบัญชีในช่วงที่ SCB ประกาศซื้อหุ้น BITKUB (วันที่ 2 พฤศจิกายน. 2564) เหลือเพียง 2.3 แสนบัญชีในเดือนกรกฎาคม 2565 แปลว่าย่อมส่งผลต่อผลประกอบการของ Bitkub อย่างมีนัยสำคัญ และทำให้ Valuation เดิมนั้นแพงเกินไป

และจากการที่บริษัทระบุว่าการยกเลิกดีลซื้อขายหุ้นเป็นไปตามความสมัครใจของทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้น SCB จึงไม่มีค่าใช้จ่าย หรือค่าปรับเพิ่มเติม ทำให้ไม่มีผลต่อประมาณการกำไรปี 2565 ที่คาดว่าจะกำไรสุทธิที่ 42,233 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 18.6% จากปีก่อน โดยส่วนราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside ราว 24.4% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ที่ 137.50 บาท จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ราคาหุ้น Laggard ลุ้นปันผล 4% ต่อปี

นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SCB เป้าหมาย 140 บาท จากความน่าสนใจของราคาหุ้นที่ถือว่า Laggard กลุ่มธนาคาร หลังมีการปรับฐาน 13% จากต้นปี เทียบกับ SET Index ที่ลบ 0.85% และ KTB +26%, KBANK +11% BBL +14.4% โดยเชื่อว่าหลังความกังวลธุรกรรม Bitkub คลี่คลาย ประกอบกับภาพแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และทิศทางอัตราดอกเบี้ยกําลังเป็นขาขึ้น ทำให้ราคาหุ้นมีลุ้น Outperform และพร้อมคาดอัตราเงินปันผลราว 4% ต่อปี

สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามต่อไปก็คือบริษัทจะนําเงินสดเกือบ 18,000 ล้านบาทไปบริหารจัดการต่ออย่างไร เช่น จ่ายเงินปันผล ซื้อหุ้นคืน หรือนําไปต่อยอดการเติบโตของบริษัทย่อยอื่นๆ เพื่อสร้าง New S-Curve เช่น CARDX, AUTOX, Alpha X, SCB10X เป็นต้น อีกทั้งการที่ SCBS เพิ่งได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) จาก ก.ล.ต. มาแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่จะนำเงินส่วนนี้ไปเริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเอง

ทิ้ง Bitkub 

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน