Stock

‘ดาวโจนส์’ ขยับไม่ถึง 10 จุด ตลาดจับตาประชุมประจำปี ‘แบงก์ชาติสหรัฐ’

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” แทบไม่เคลื่อนไหว เหตุนักลงทุนยังระวังตัว ก่อนที่จะรู้ผลการประชุมประจำปีของเฟด ที่เปิดฉากขึ้นแล้ว โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ยังช่วยพยุงให้ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุด ขยับขึ้นเพียง 6.60 จุด หรือ 0.02% มาอยู่ที่ 32,975.83 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,161.16 จุด ปรับขึ้น 20.39 จุด หรือ 0.49% และดัชนีแนสแด็กที่ 12,528.91 จุด บวก 97.38 จุด หรือ 0.78%

ดาวโจนส์

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ในวันนี้ โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.6% ซึ่งดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งระบุว่าจีดีพีหดตัว 0.9%

ขณะที่ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย มาอยู่ที่ 243,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 255,000 ราย

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งเริ่มขึ้นในวันนี้ และสิ้นสุดลงในวันที่ 27 สิงหาคม โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

สำหรับหัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ “Reassessing Constraints on the Economy and Policy” โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวันพรุ่งนี้ (26 ส.ค.) เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย

ทั้งนี้ การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว โดยไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้น เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของเฟด ที่เมืองแจ็กสัน โฮลในสัปดาห์นี้ กล่าวว่า ยังคงเร็วเกินไปที่จะระบุว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75% ในเดือนกันยายน

นางจอร์จระบุว่า แม้ว่านโยบายเฟดจะส่งผลให้การว่างงานพุ่งสูงขึ้น และกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ แต่สิ่งนี้จะไม่ทำให้เฟดยุติการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน

เธอบอกด้วยว่า เฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 4% เพื่อให้บรรลุผลที่ต้องการ และอัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวในระดับสูงเป็นระยะเวลาหนึ่ง

ทางด้านนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวเช่นกันว่า “ในขณะนี้ ผมคงต้องโยนเหรียญหัวก้อยเพื่อตัดสินว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75%”

อย่างไรก็ดี นายบอสติกกล่าวว่า หากเฟดได้รับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เฟดก็อาจขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนหน้า พร้อมยืนยันว่า เขามีความมุ่งมั่นที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง และจะยังไม่ปรับลดลง จนกว่าเงินเฟ้อจะไปสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo