ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (22 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงกว่า 100 จุด เหตุเจอแรงเทขายหุ้นกลุ่มบริษัทโซเชียลมีเดีย และเทคโนโลยีการโฆษณา (AdTech) หลังนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของ “สแนป อิงค์”
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 31,899.29 จุด ลดลง 137.61 จุด หรือ 0.43% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,961.63 จุด ลดลง 37.32 จุด หรือ 0.93% และดัชนี แนสแด็กปิดที่ 11,834.11 จุด ลดลง 225.50 จุด หรือ 1.87%
โดยรวมแล้ว ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีทั้ง 3 ตัว ยังอยู่ในแดนบวก โดยดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 2% เอสแอนด์พี 500 บวก 2.4% และแนสแด็กปรับตัวขึ้น 3.3%
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดลบ นำโดยกลุ่มบริการสื่อสาร และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งร่วงลง 4.3% และ 1.4% ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคบวกขึ้นมากที่สุด 1.37%
หุ้นสแนป เจ้าของแอปพลิเคชัน “สแนปแชท” ร่วงลงเกือบ 40% หลังเปิดเผยการขยายตัวของยอดขายอ่อนแอที่สุดในรายไตรมาส แต่หุ้นทวิตเตอร์ฟื้นตัวจากการติดลบ และบวกขึ้น 0.8% แม้จะเปิดเผยรายได้ลดลงเกินคาด
หุ้นบริษัทออนไลน์ที่พึ่งพาการโฆษณา อาทิ เมตา แพลตฟอร์มส และอัลฟาเบท ร่วงลง 7.6% และ 5.6% ตามลำดับ ฉุดให้แนสแด็กดิ่งแรง
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ ที่เปิดเผยเมื่อวานนั้น เอสแอนด์พี โกลบอลรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.5 ในเดือนกรกฎาคม ต่ำสุดในรอบ 26 เดือน จากระดับ 52.3 ในเดือนมิถุนายน
ดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว โดยเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 โดยถูกกดดันจากภาวะหดตัวในภาคบริการ
ขณะที่ภาคการผลิตปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน โดยความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2563
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 52.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 24 เดือน จากระดับ 52.7 ในเดือนมิถุนายน และดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 47.0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 26 เดือน จากระดับ 52.7 ในเดือนมิถุนายน
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเมตา และอัลฟาเบทในสัปดาห์หน้า รวมถึงบริษัทแอปเปิ้ล ไมโครซอฟท์ และอเมซอนดอทคอม
นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของสหรัฐในสัปดาห์หน้าด้วย โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ และคาดว่า GDP ของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะติดลบอีกครั้ง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กังวลหนัก! เศรษฐกิจสหรัฐ ไตรมาส 1 หดตัว 1.4% หวั่นมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย
- ‘มอร์แกน สแตนลีย์’ ชี้ ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ เสี่ยงถดถอย 50% แต่มั่นใจ ‘เฟด’ คุมเงินเฟ้อได้
- ยังไม่จบ! ‘เฟด’ ส่งสัญญาณ ‘ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง’ หลังปรับ 0.75% ครั้งใหญ่สุดรอบ 28 ปี